“เมื่อผู้คนเปล่งประกาย, ปาฎิหารย์จึงก่อกำเนิด และแสงสว่างนั้นคือสัญลักษณ์ของเหล่าผู้กล้าที่จะเปลี่ยนแปลงอนาคต! KIRAMAI GO!
(人が輝く時そこに奇跡が生まれる。輝きそれは未来を変える戦士の証し。キラメイGO!
ชื่อเรื่อง: 魔進戦隊キラメイジャー (มาชินเซนไต คิระเมเจอร์)
ออกอากาศ: 8 มีนาคม 2020 – 28 กุมภาพันธ์ 2021
จำนวนตอนที่ออกอากาศ: 45 ตอน
นำแสดงโดย: โคมิยะ ริโอะ, คิฮาระ รุอิ, ชินโจ ยูเมะ, มิซึอิชิ อาโตมุ, คุโดะ มิโอะ, โชจิ โคเฮย์, โมโมะสึกิ นาชิโกะ และ โคซากะ ไดมาโอ
เรื่องย่อ:
คริสตัลเลีย อาณาจักรอันไกลโพ้นที่เต็มไปด้วยความเปล่งประกายจากอัญมณีแห่งเวทมนต์ ปกครองโดยราชาโอราดินผู้รักสันติและจินตนาการสุดเหลือล้ำ กระทั่งวันหนึ่งอาณาจักรอันชั่วร้าย โยดอนเฮล์ม ได้เข้าทำลายดาวดวงนี้จนพินาศ ก่อนจะสังหารพระราชาและทิ้งไว้แต่ซากปรักหักพัง
ทว่าก่อนดวงดาวจะล่มสลาย พระธิดาองค์เดียวของโอราดิน มาบูชิน่า ได้หลบหนีมาที่โลกมนุษย์ และได้รับความช่วยเหลือจากสหายเก่าของโอราดิน ฮาคาตะมินามิ มุเรียว ผู้ก่อตั้งองค์กรวิจัยและสำรวจ CARAT เพื่อรักษาตัวจนหายดี มาบูชิน่าได้นำอัญมณีผู้พิทักษ์คิราเมะสโตนทั้งห้าชิ้นออกตามหาผู้กล้าห้าคน เพื่อต่อสู้กับโยดอนเฮล์มที่กำลังจะบุกมายังโลก
นักแสดงหล่อมากความสามารถ โอชิกิริ ชิกุรุ, นักวิ่งสาวดาวรุ่งมหาวิทยาลัย ฮายามิ เซนะ, เกมเมอร์อีสปอร์ตอันดับหนึ่ง อิมิซึ ทาเมะโทโมะ, แพทย์สาวสุดยอดนักผ่าตัด โอฮารุ ซาโยะ และหนุ่มมัธยมปลายผู้เปี่ยมไปด้วยจินตนาการ อาสึตะ จูรุ ก็ได้รวมตัวกันเพื่อปกป้องชะตากรรมของโลกไปพร้อมกับอัญมณีพลังเวทย์ที่เปลี่ยนพลังแห่งความนึกคิดให้กลายเป็นอาวุธจักรกลสุดล้ำ
รีวิว:
ผมจำได้ว่าช่วงที่ซีรีส์กำลังจะออกอากาศ ข่าวการแพร่ระบาดของเชื้อ COVID-19 กำลังเป็นที่ฮือฮาอย่างมากในแถบทวีปเอเชีย ประกอบกับไม่มีการรักษาระยะห่างหรือรณรงค์เรื่องของการสวมหน้ากากในที่สาธารณะ ทำให้ไม่มีใครคาดคิดมาก่อนว่านี่คือจุดเปลี่ยนและวิกฤติของทีมงานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในรอบหลายสิบปี
การเปิดตัวนั้นทำได้ค่อนข้างธรรมดาในสายตาของผมนะ และมองว่านี่ก็คือซีรีส์หนึ่งที่ออกอากาศทุกวันอาทิตย์ ขายของเล่น สีแดงเด่น ตัวร้ายชุดยางโง่ ๆ และฉายให้มันจบ ๆ ไปเพื่อรอจังหวะของการครบรอบ 45 ปีของซูเปอร์เซนไตซีรีส์…
ซึ่งผมคิดผิดถนัดเลยหลังจากดูครบทั้ง 45 ตอนไปแล้ว
ยอดขายรวมไปถึง IP Sales ที่ดิ่งนรกเพราะการระบาดของไวรัส นักแสดงนำสีแดงของเรื่องติดเชื้อ COVID-19 จากการถ่ายทำ กองถ่ายซีรีส์ถูกรัฐบาลสั่งปิดแบบไม่มีกำหนด ณ ช่วงเวลานั้น ตารางการเปิดตัวของคิระเมเจอร์คนที่ 6 ต้องเลื่อนไปพร้อมกับตารางการวางจำหน่ายของเล่น ไม่นับปัญหาที่เกิดขึ้นต่อสภาพจิตใจของทีมงานที่ต้องทำงานกันด้วยความหวาดระแวงว่าเราจะติดเชื้อหรือไม่
ทั้งหมดทั้งปวงนั้นไม่ได้ส่งผลอะไรต่อ Mind Set ของเหล่านักแสดงและทีมงานไปได้เลยแม้แต่น้อย กลับกันมันกลายเป็นพลังบางอย่างที่คอยผลักดันให้พวกเค้าสร้างซีรี่ส์นี้ออกมาด้วยรอยยิ้มเพื่อให้กำลังใจต่อผู้ชมและเด็ก ๆ ที่เฝ้ารออยู่ตรงหน้าจอที่บ้านกับยุคของการ Work From Home และ Self Isolated อันเงียบเหงา
จุดแข็งของเรื่องคือการปูพื้นด้วยตัวแทนกลุ่มอาชีพในฝันของเด็กญี่ปุ่นยุคนี้ นายแพทย์ นักกีฬาอีสปอร์ต นักวิ่ง นักแสดง เพื่อสะท้อนโลกของความเป็นจริงว่าพวกเค้านอกจากจะรับหน้าที่ปกป้องโลกแล้ว ก็ยังมีความรับผิดชอบส่วนตัวที่ยังคงทำเพื่อความฝันของตน
และการแก้ไขข้อครหาจากแฟน ๆ ซึ่งบ่นกันมาหลายปีแล้วว่าสีแดงของเรื่องที่ผ่านมานั้นเด่นเกินไปจนทำให้ซีรีส์ไม่สนุก โดยคิระเมเจอร์ลบส่วนนั้นทิ้งออกไปพร้อมกับกระจายบทอย่างทั่วถึง ก่อนจะแสดงให้เห็นว่าการทำงานเป็นทีมนั้นคือการดึงเอาจุดเด่นของแต่ละตัวละครออกมาใช้จนนำไปสู่เป้าหมายความสำเร็จ
การสร้าง “ภาพจำ” นั้นเป็นคีย์หลักอีกประการหนึ่งที่ทำให้ซีรีส์นั้นถูกกล่าวถึงและน่าจดจำ ที่ผ่านมานั้นสูตรสำเร็จคือการสร้างคาแรคเตอร์แปลก ๆ รวมไปถึงการให้ฝั่งตัวร้ายมีมนุษย์จริง ๆ ออกมาปรากฏตัวบ้าง และคิระเมเจอร์เองก็เลือกแนวทางนั้นซึ่งพวกเค้าก็ทำได้ดีอีกต่างหาก แถมในส่วนของตัวร้ายเองก็มีการสอดแทรกเนื้อหาที่ผู้ชมต้องโฟกัสเป็นระยะ ก่อนจะหักมุมให้ใจหายและรู้สึกร่วมไปกับพวกเค้าจนถึงวาระสุดท้าย
อันที่จริงแล้วคิระเมเจอร์เองก็ไม่ได้สร้างอะไรให้ฮือฮาหรือเล่นใหญ่อลังการดาวล้านดวง ทว่าพวกเค้ากลับทำทุกอย่างให้มันง่าย สื่อถึงผู้ชมแบบตรงไปตรงมา และไม่ทำในสิ่งที่เป็นภาพลักษณ์เดิม ๆ อย่างที่ฮาร์ดคอร์แฟนเคยวิจารณ์ ผมเองก็เป็นคนหนึ่งที่เคยปรามาสว่านี่เป็นเพียงซีรีส์คั่นเวลาเพื่อรอลำดับที่ 45 ออกอากาศ แต่กลายเป็นว่าพวกเค้ากลับทำให้ผมขำแบบไม่มีเหตุผลได้เกือบทุกตอน แถมจังหวะตลกก็ลงล็อคโบ๊ะบ๊ะฮาเฮถูกใจสายบั่นทอนได้อย่างเหลือเชื่อ เอาเป็นว่าถ้าคุณติดตามมาตั้งแต่เริ่ม ตอนที่เหลือแค่มองหน้าคิระเมะบลูก็ขำแล้วอ่ะ
ส่วนจุดที่ซีรีส์มันน่าจะทำได้ดีกว่านี้คงเป็นเรื่องเดิม ๆ ที่พวกเรายอมรับกันได้ นั้นคือพล็อตของซูเปอร์เซนไตที่วนไปมา กระนั้นความเบื่อมันก็ไม่ได้มากมายจนต้องกด Skip ข้ามช็อตไป เพราะแรงดึงดูดบางอย่างจากเหล่านักแสดงและเนื้อหาที่ปรากฏในแต่ละตอนนั้นทำออกมาได้น่าสนใจ ประเด็นหนึ่งน่าจะมาจากการที่พวกเค้าต้องเปลี่ยนแปลงแนวทางเพื่อสู้กับวิกฤติของโรคระบาด และพยุงยอดขายให้ก้าวต่อไปในยุคที่ทุกคนกำลังเหงาหงอย
เอาเป็นว่านี่คือสิ่งที่ผมตกผลึกได้จากการรับชมทั้งหมด 45 ตอน หากคุณชื่นชอบเรื่องราวแบบไม่ต้องซีเรียสอะไรมากมาย แนวทางการดำเนินเนื้อหาไม่ซ้ำกับหลายเรื่องก่อนหน้า ตัวละครทุกตัวสำคัญเท่ากัน นักแสดงหนุ่มหล่อ นักแสดงสาวสุดหอม และพร้อมจะยิงมุกห้าบาทสิบบาทจนขำเป็นระยะ หรือเรียกดราม่าให้คุณได้ในบางช่วงบางตอน คิระเมเจอร์คือซีรีส์ที่ผมอยากจะแนะนำให้คุณดูเมื่อมีโอกาสครับ
J-HERO.COM Score:
★★★★☆ (4/5)
เล็ก ๆ น้อย ๆ จากเรื่องนี้:
- นี่คือซีรีส์แรกของยุคเรวะที่ไม่มี Gimmick Collector’s Item
- ชื่อตอนของทุกตอน มาจากชื่อภาพยนตร์และซีรีส์ในอดีตของญี่ปุ่น
- คิระเมเจอร์ถูกงดออกอากาศไปเกือบสองเดือน จากการประกาศไม่ให้มีการรวมตัวทำกิจกรรมใด ๆ ของรัฐบาลญี่ปุ่นในช่วงเดือนเมษายน ก่อนจะลดระดับการควบคุมลง ซึ่งทำให้ทีมงานกลับมาทำงานกันได้อีกครั้ง และออกอากาศต่อในวันที่ 21 มิถุนายน 2020
- ช่วงที่งดออกอากาศ ได้มีการนำเอา Episode Zero / คัทซีนแบบเวอร์ชั่นที่มีนักพากย์มาบรรยาย มาออกอากาศแทน
เพลงเปิดแบบ LIVE
Source:
https://www.toei.co.jp/tv/kiramager