ชำแหละ! ฉากแปลงร่างบนเวที ทำยังไงให้เนียนเหมือนแปลงร่างได้จริงๆ

เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา มีคนแชร์คลิปๆหนึ่งมาบนไทม์ไลน์ผมพอดี เป็นคลิปที่คุณคุโบตะ ยูกิ หรือที่เรารู้จักกันในบทบาทของคุเรชิมะ ทาคาโทระ มาสค์ไรเดอร์ซันเก็ตสึ จากซีรีส์มาสค์ไรเดอร์ไกมุ ทำการแปลงร่างโดยใช้ล็อกซีด K.L.S.-02 เพื่อกลายเป็นร่างคาจิโดกิอาร์ม ในละครเวที Kamen Rider Zangetsu Stage : Gaim Gaiden ที่ได้ทำการแสดงไปในช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา และก็ได้มีการออกแผ่นบันทึกการแสดงให้ดูกันด้วย ซึ่งสิ่งที่ทำให้ผมรู้สึกทึ่งไปเลย นั่นก็คือ ฉากการแปลงร่างบนเวทีที่แนบเนียนราวกับแปลงร่างได้จริงๆ โห… ผมเห็นครั้งแรกแล้วทึ่งไปเลย

ปกติเวลาที่เราดูไลฟ์โชว์กัน พอถึงฉากที่นักแสดงร่างมนุษย์ต้องทำการแปลงร่าง หรือแปลงร่างแล้วแต่ต้องการจะเปลี่ยนฟอร์ม ก็มักจะใช้วิธีวิ่งไปหลบหลังฉาก แล้วสลับตัวกับนักแสดงอีกคนโดยเดินออกมาจากทางเดิม ซึ่งวิธีนี้ก็ถือว่าเป็นวิธีที่คลาสสิคดี และพอเห็นไลฟ์โชว์สเกลใหญ่ ที่ต้องแสดงในโรงละครหรือสถานที่ปิดได้มีการนำเทคนิคพิเศษมาใช้เพื่อให้ได้ฉากแปลงร่างเหมือนในซีรีส์แล้ว รู้สึกว้าวเลยแฮะ จริงอยู่ที่ในซีรีส์เขาใช้ซีจีแปะกับไฟล์วิดีโอ และสามารถเรนเดอร์แล้วนำไปฉายได้เลย แต่สำหรับละครเวทีที่ไม่ใช่ไฟล์วิดีโอ แต่เป็นคนจริง ฉาก(ที่ถูกเซ็ตขึ้นมา)จริงๆที่กำลังผ่านตาผู้ชม มันแปะซีจีไม่ง่ายอย่างนั้นนี่ดิ แต่อย่างที่พี่กาน Bearhug เคยพูดเอาไว้ว่า “ไม่มีอะไรที่มันเกินกว่าสมองมนุษย์จะแก้ไขได้” ดังนั้น ทีมงานของโตเอะจึงสามารถคิดค้นวิธี ที่จะเซ็ตฉากแปลงร่างบนเวทีให้เหมือนกับที่เราดูได้สำเร็จ แต่เขาจะมีวิธีเตรียมการยังไงบ้างนั้น? เดี๋ยวผมจะมาวิเคราะห์ให้ฟัง

**ข้อมูลทั้งหมดที่กำลังจะได้อ่านต่อไปนี้ มาจากการวิเคราะห์ในสิ่งที่เห็นบนเวที ผ่านบันทึกการแสดงสด ดังนั้น เทคนิคที่เขาใช้จริงๆอาจจะแตกต่างจากที่ผมวิเคราะห์ก็ได้**

ภาพจากเวทีที่เราเห็นในบันทึกการแสดงสด ซึ่งเป็นมุมกล้องที่เราสามารถเห็นเวทีได้โดยรวมเลย

เริ่มจากบนเวทีก่อน จะเห็นได้ว่าบนเวทีจะมีการยกระดับเสริมถึง 2-3 ระดับ โดยคุโบตะซังจะยืนอยู่ด้านบนตรงกลางเวที ตามจุดที่มาร์คไว้ และมีอินเวสตนหนึ่งยืนอยู่ด้านล่างตรงมุมซ้ายของเวที(จากมุมมองผู้ชม) และเราจะเห็นได้ว่ามีผ้าใบบางๆกางอยู่ตรงหน้าคุโบตะซัง เพื่อเอาไว้รับซีจีที่จะฉายออกมาทางโปรเจกค์เตอร์ ถึงแม้ว่าผ้ามันเหมือนจะบาง แต่ถ้าใครไปดูคอนเสิร์ตที่ชอบกางผ้าใบปิดเวทีก่อนเริ่มทำการแสดง และฉายโลโก้งาน ก็จะรู้ว่าผ้าใบมันสามารถรับแสงของโปรเจกค์เตอร์ได้ไม่ทะลุพร้อมกับยังเห็นด้านหลังผ้าใบอยู่ อันนี้ต้องขอชื่นชมทีมงานโตเอะเลย ที่ขึงผ้าใบได้เนียนมาก

เมื่อคุโบตะซังกด Lock On โปรเจกค์เตอร์ก็เริ่มรันซีจีแล้ว บางคนที่เห็นอาจจะรู้สึกว่าชุดเกราะที่อยู่เหนือศีรษะของคุโบตะมีความคมชัดมาก แม้ว่าด้านหลังผ้าใบจะเต็มไปด้วยแสงของสปอตไลท์เพื่อให้ผู้ชมยังมองเห็นคุโบตะซังบนเวทีอยู่ จริงๆก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรหรอก คือปกติโปรเจกค์เตอร์ที่เรามักจะคุ้นเคยกันในห้องเรียนส่วนมากจะใช้หลอด LCD ซึ่งแสงจะไม่มีความเข้มข้นพอที่จะเปล่งแสงสู้กับแสงอื่นๆโดยรอบได้ สังเกตง่ายๆ สไลด์พรีเซนต์ของอาจารย์มันจะจางมากเมื่อเปิดไฟห้องสว่าง เราเลยต้องปิดไฟบางส่วน(โดยเฉพาะบริเวณโปรเจกค์เตอร์และจอฉาย)เพื่อให้เราสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน

ดังนั้นบริษัทที่ผลิตโปรเจกค์เตอร์จึงได้ผลิตหลอดที่สามารถสร้างสำแสงที่มีความเข้มข้นกว่านี้ขึ้นมา แม้ว่าจะเป็นหลอด Metal-Halide ที่แม้จะดีกว่าก็จริง แต่ก็ให้ความร้อนสูงมาก หรือจะหลอด LED ที่มีประสิทธิภาพสูงกว่า Metal-Halide แต่ก็มีข้อด้อยบางจุดที่สู้ไม่ได้ มาจนถึงการใช้หลอดเลเซอร์ที่เป็นเทคโนโลยีตัวล่าสุด ที่ถือว่าตอบโจทย์ทุกอย่าง เพราะแสงนั้นมีความเข้มข้นพอที่จะแสดงสีสันและรายละเอียดของภาพให้คมชัดเสมอแม้ว่าแสงโดยรอบจะเยอะแค่ไหนก็ตาม

สรุปง่ายๆก็คือ เขาใช้โปรเจกค์เตอร์ดีกว่าที่โรงเรียน/มหาลัยพวกนายใช้กันอ่ะ….

จากนั้น คุโบตะซังก็จะพูด “แปลงร่าง” ก่อนที่จะเสียบใส่ล็อกซีด ลงล็อกออน มือแกว่งกาง วางท่าทางเพียงพริบตา จากนั้นสปอตไลท์ที่ส่องร่างของคุโบตะซังจะค่อยๆดับลงจนไม่เห็นร่างของเขา และระหว่างนั้นโปรเจกค์เตอร์ก็จะค่อยๆ Fade in ฟุตเตจร่างของคุโบตะซังในสเกล 1:1 ขึ้นมาแทนอย่างฉับพลัน ซึ่งตรงนี้ต้องอาศัยการเตรียมจังหวะกันระหว่างคนคุมแสงและคนคุมโปรเจกค์เตอร์ เพื่อให้ภาพที่ได้ออกมาแนบเนียนที่สุด และก็ได้มีการทำซีจีสายรุ้งแปดเหลี่ยม ซึ่งมีรัศมีฉาบไปทั่วลำตัวของคุโบตะซัง เพื่อช่วยลดการถูกจับผิดในขณะสับเปลี่ยนกันระหว่างตัวนักแสดงจริงกับตัวฟุตเตจนักแสดงที่ฉายออกมาทางโปรเจกค์เตอร์

หลังจากนั้น โปรเจกค์เตอร์ก็จะรันภาพฟุตเตจของคุโบตะซังที่กำลังทำการแปลงร่างอยู่ ในขณะเดียวกัน คุโบตะซังก็จะต้องสลับตัวกับสูทแอคเตอร์ที่สวมชุดมาสค์ไรเดอร์ซันเก็ตสึ คาจิโดกิอาร์มทันที ถ้ามองผ่านกล้องเราจะไม่เห็นว่าทั้งสองคนเคลื่อนย้ายตัวเองจากทิศทางไหน แต่ถ้าเราไปดูการแสดงสดๆ เราจะสามารถเห็นได้ลางๆว่ามีการเคลื่อนย้ายกันอยู่ภายใต้เงามืดนี้ ซึ่งมันมีสองวิธีครับ ถ้างานหยาบหน่อย ก็อาจจะให้คุโบตะซังวิ่งเข้าข้างหลังเวทีไม่มุมใดก็มุมหนึ่ง และให้สูทแอคเตอร์เดินออกมาจากหลังเวทีแล้วยืนตามจุดที่มาร์คไว้ ซึ่งดูจากระยะเวลาที่ฟุตเตจการแปลงร่างรันอยู่นั้น คิดว่าสูทแอคเตอร์สามารถวิ่งออกมายืนได้ทันเวลาอยู่ แต่มันจะกินแรงโดยใช่เหตุ ยิ่งต้องถือธงสองอันด้วยนะ จึงต้องใช้อีกวิธีนึง นั่นก็คือลิฟท์บนพื้นเวทีนี่เอง โดยลิฟท์น่าจะมีสองช่อง ช่องนึงไว้ส่งคุโบตะซังลงไปใต้เวที และอีกช่องนึงไว้ส่งสูทแอคเตอร์ขึ้นมา

หรือไม่อาจจะมีลิฟท์แค่ตัวเดียว ช่องที่คุโบตะซังลงไปอาจจะไม่มีลิฟท์ แบบเปิดช่องปุ๊บละให้เจ้าตัวกระโดดลงไปทันที จากนั้นก็ปิดช่องลับเพื่อให้สูทแอคเตอร์ไปยืนตำแหน่งเดียวกันกับคุโบตะซังได้อย่างปลอดภัยนี่เอง

เมื่อฟุตเตจและซีจีจากโปรเจกค์ดับลง ก็จะปรากฏว่า คุเรชิมะ ทาคาโทระได้แปลงร่างเป็นมาสค์ไรเดอร์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว มันไม่มีอะไรซับซ้อนเลยใช่มั้ยครับ?

จะทำเอฟเฟคปล่อยพลังจากโปรเจกค์เตอร์ก็ย่อมทำได้…

อีกอย่างที่อยากให้สังเกต จะเห็นได้ว่า ขอบเขตแสงของโปรเจกค์เตอร์ด้านล่างจะสิ้นสุดแค่ตรงพื้นด้านบน และด้วยความสูงของสูทแอคเตอร์ที่สวมชุดอินเวสทางด้านล่างมันก็เข้าไปในระยะฉายของโปรเจกค์เตอร์ ถ้าโปรเจกค์เตอร์ยิงมาจากกลางห้องเหมือนห้องเรียน มันจะเกิดเงาของอินเวสซ้อนทับกับแสงที่ฉายจากโปรเจคเตอร์ เหมือนกับที่เราชอบเดินตัดหน้าโปรเจกค์เตอร์ในห้องเรียนไงครับ แต่นี่ไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นเลย สงสัยไหมครับว่าเป็นเพราะอะไร?

จากการสันนิษฐานของผมนะครับ ผมว่าเขาน่าจะใช้โปรเจกค์เตอร์รุ่นที่สามารถฉายแสงเฉียงขึ้นไปด้านบนได้ครับ ซึ่งเขาน่าจะซ่อนโปรเจกค์เตอร์ไว้ใต้บันได้เนี่ยแหละ มันเลยทำให้อินเวสที่ยืนอยู่นอกผ้าใบสามารถขยับไปไหนมาไหนได้โดยไม่ต้องกังวลว่าจะตัดผ่านระยะฉายแสงของโปรเจกค์เตอร์ไปได้

ถึงมันจะเป็นเทคนิคที่ไม่ได้มีอะไรพิเศษขนาดนั้น แต่ด้วยความคิดสร้างสรรค์ การวางแผนเป็นอย่างดี และการฝึกซ้อมอย่างตั้งใจ มันเลยทำให้ฉากแปลงร่างบนเวทีมีความพิเศษยังไงล่ะครับ ผมว่าเทคนิคนี้จะทำให้การแสดงไลฟ์แอ็คชั่นถูกยกระดับมากยิ่งขึ้น ไม่แน่ ในยุคเรวะเราอาจจะได้เห็นนักแสดงไรเดอร์โชว์ฉากแปลงร่างอย่างสมจริงตามงานแสดงสดในฮอลล์ต่างๆมากขึ้นก็ได้นะ

About Pan Yoshizumi 118 Articles
นอกจากซูเปอร์ฮีโร่จะเป็นสิ่งที่ผมชื่นชอบแล้ว ผมยังชอบไอดอลสาว และการท่องโลกอีกต่างหาก....