การจากลาของสัมผัสแห่งความรัก 7th Sense

ไม่ได้เขียนบทความนานเลย ตั้งแต่หยุดสงกรานต์แล้วลากยาวมาจนตอนนี้เลย คือผมเพิ่งเริ่มกลับมาทำงานประจำตอนหลังสงกรานต์น่ะครับ ชีวิตก็เลยจะวุ่นๆหน่อย ตอนนี้ก็เริ่มลงตัวแล้ว เลยกลับมาเขียนบทความซักที ถือว่าเป็นบทความแรกในยุคเรวะเลยก็ว่าได้ (หัวเราะ) และในช่วงก่อนที่จะเปลี่ยนผ่านยุคนั้น ก็ได้มีเหตุการณ์ต่างๆเกิดขึ้นมากมาย แต่สำหรับผม มีเหตุการณ์หนึ่งที่ทำให้ผมรู้สึกช็อคมาก ช็อคพอๆกับที่ได้รู้ว่าผลเลือกตั้งยังนับไม่เสร็จเลย นั่นก็คือ “การประกาศยุบวงของ 7th Sense”

ถามว่าทำไมถึงช็อค? ผมติดตามวงนี้เหรอ? เอ่อ…. ใช่ครับ และถ้าถามว่ามันสำคัญขนาดนั้นเลยเหรอ? ก็สำคัญนะสำหรับวงการไอดอล สำหรับผม ผมคิดว่ากว่าที่วงการดนตรีไทยสากลในบ้านเราจะมาถึงยุคสมัยที่มีแต่วงไอดอลหญิงเกิดขึ้นมากมายราวกับดอกเห็ดนี้ มันเริ่มต้นขึ้นเพราะสามสิ่งที่เกิดจากวงไอดอลสามวงนี้ครับ คือ 1. กระแสคุกกี้ฟีเวอร์ของ BNK48 2. ความพยายามที่จะวิ่งไปให้ถึงเป้าหมายของ Sweat16 และ 3. การอยากที่จะลองสัมผัสความหอมหวานในเส้นทางไอดอลของ 7th Sense หลังจากที่สามสิ่งนี้ดำเนินเรียงกัน จึงทำให้หลายๆคนหลายๆบริษัทเริ่มสนใจธุรกิจนี้มากขึ้น จนทำให้เกิดวงใหม่ขึ้นมากมายจนตามไม่หวาดไม่ไหวกันเลยทีเดียว แต่ผมเชื่อว่าทุกทีมงานที่ก้าวเข้ามาในสมรภูมินี้ก็ต้องมีใจรักในด้านนี้อยู่แล้ว แต่จะมีศักยภาพหรือเงินทุนมากพอที่จะพาเด็กๆไปแตะความสำเร็จไหม? ต้องรอดูกันอีกที

ภาพแรกของสมาชิก 10 คนแรกของวง 7th Sense บนเรือสำราญ
(เครดิตภาพจาก : Seventh Sense)

ผมยังจำภาพแรกของวง 7th Sense ได้ดี ภาพของหญิงสาวที่ไหนไม่รู้ 10 คนบนเรือสำราญ มันทำให้ผมรู้สึกว่าเจ้าของวงนี้สปอร์ตดีนะ แต่ก็ไม่รู้สึกถึงความเป็นไอดอลเหมือนที่รู้สึกกับ BNK48 และ Sweat16 เลย เหมือนเป็นนางแบบเสียมากกว่า(ไอดอลอะไรเปิดตัวด้วยการขึ้นเรือสำราญ ดูไฮคลาสไปนะ….) ต่อมา เริ่มมีการรับสมัครสมาชิกเพิ่ม จนวงนี้มีหญิงสาวในสังกัดเพิ่มอีกเป็น 23 คน และพวกเธอก็ยังต้องฝึกฝนต่อไปอีกเรื่อยๆ และถึงแม้ว่าพวกเธอจะต้องใช้เวลาว่างเกือบทั้งหมดไปกับการซ้อม แต่ทีมงานก็พยายามหาโอกาสให้เหล่าหญิงสาวได้มีโอกาสเช็คฟีดแบ็ค พบปะแฟนๆ และประชาสัมพันธ์ตัวเองด้วยการ “ให้มาซ้อมต่อหน้าธารกำนัลทุกวันอาทิตย์” ซึ่งทำให้พวกเธอสามารถเช็คฟีดแบ็ค พบปะแฟนๆ และประชาสัมพันธ์ตัวเองได้โดยไม่ต้องขาดการซ้อมเลย แต่ในความคิดของผมตอนนั้น ผมรู้สึกว่ามันแปลกๆอ่ะ ปกติการซ้อมของศิลปินมันควรจะเป็นไพรเวทหรือเปล่าวะ? เราจะเห็นการซ้อมของศิลปินเพียงแค่ใน VTR ที่ทางต้นสังกัดเอามาให้ดูเท่านั้น แต่ถึงอย่างไรก็ตาม แอดมิน Poraemon ก็ได้แนะนำให้ผมลองไปดูกิจกรรมนี้ และผมก็ได้ลองไปดูเขาซ้อมที่สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 ซึ่งวันที่ผมไปนั้น ไม่มีการซ้อมใดๆทั้งสิ้น มีแต่กิจกรรมที่ให้แฟนๆร่วมสนุกล้วนๆ ทั้งการประกาศชื่อกัปตันวง ซึ่งก็คือตังตัง 1 ใน 10 หญิงสาวที่เปิดตัวบนเรือสำราญ ประกาศสมาชิกที่จะได้ร้องในเพลงแต่ละเพลงที่จะปล่อยมาในอนาคต การแสดงเพลงแรกในชีวิตของวงอย่าง “สัมผัสรัก” ซึ่งมีดนตรีเพียงแค่เครื่องดนตรีไม่กี่ชิ้นเท่านั้น การถ่ายเชกิกับเหล่าหญิงสาว หรือแม้กระทั่งช่วงที่ค่อนข้างหน่วงใจอย่างการประกาศถอนตัวจากวงของน้องกีโน ซึ่งก็เป็นยูทูปเบอร์ชื่อดังอยู่แล้ว

จากการได้มาสัมผัสความเป็นไอดอลในแบบ 7th Sense ทั้งคาแร็คเตอร์ของหญิงสาว ดนตรี ไปจนถึงทัศนคติของทีมงาน ผมรู้สึกชื่นชอบวงเพราะความ “เป็นเอกลักษณ์” ที่ฉีกออกไปจากวงไอดอลสองวงที่เปิดตัวมาก่อนแล้ว และแพชชั่นในการจะทำให้วงการไอดอลไทยบูมขึ้นมาอีกสเต็ป ผมเลยตัดสินใจว่าจะตามวงนี้แน่นอน และผมมีโอชิในใจแล้วด้วย

หนึ่งสัปดาห์ต่อมา โอชิในใจคนนั้นประกาศถอนตัวครับ ในเวลาต่อมาเธอก็ได้ปรากฎตัวในฐานะผู้จัดการของวงไอดอลวงใหม่ที่ก่อตั้งโดยอดีตหนึ่งในผู้บริหารของวง 7th Sense ด้วย….

กิจกรรมเชกิครั้งแรกกับสาวๆ 7th Sense ซึ่งหนึ่งสิทธิ์สามารถถ่ายรูปกับ
สมาชิกวงได้สองคน ตามคู่ที่ทีมงานจัดไว้ให้

ถึงจะชอบแนวคิดของวงนี้ก็เถอะ แต่ถ้าจะตามโดยที่ไม่ได้ยึดใครเป็นโอชิก็คงแปลกๆเหมือนกัน เพราะในความเห็นของผมนะ ที่วงมันโดดเด่นได้เพราะว่าแนวเพลงกับคาแร็คเตอร์หญิงสาวของวงนี้มันทำงานไปพร้อมกัน ถ้าตามแค่ด้านใดด้านหนึ่งก็คงดูโหวงๆอ่ะ จนกระทั่งผมเลื่อนดู Facebook เหมือนเช่นทุกวัน ผมเห็นรูปของตังตัง กัปตันสาวที่มีอายุรุ่นราวคราวเดียวกับแก้ว BNK48 หรือมิ้นท์ Sweat16 จำได้ว่าตอนนั้นผมกด Like เพจของเธอเพราะเหตุผลง่ายๆว่าเป็นกัปตันวงแค่นั้นเอง แต่พอเห็นอิริยาบทของเธอที่ไม่ได้คิกขุอาโนเนะจ๋าแบบไอดอลญี่ปุ่น แต่เป็นผู้หญิงที่วางตัวได้สมวัย เปล่งประกายความสวยความน่ารักได้เข้ากับคาแร็คเตอร์ตัวเองมาก รู้ตัวอีกที ผมก็แชร์แต่รูปเธอบนหน้า Facebook จนเพื่อนเริ่มจะเป็นแฟนคลับของเธอบ้างแล้ว

นัฐรุจี วิศวนารถ หรือ ตังตัง กัปตันของวง 7th Sense

ถึงจะไม่ค่อยได้มีโอกาสไปงานอีเวนท์ที่พวกเธอไปออกสักเท่าไหร่ แต่ก็ยังติดตามข่าวสาร และรอฟังเพลงของพวกเธออยู่เสมอ ตั้งแต่เพลง “สัมผัสรัก” ที่ระบุมาตั้งแต่แรกว่าขับร้องโดยสมาชิกทั้งหมด ไปจนถึงเพลง “จ้องตา” ที่ถึงแม้ว่าจะมีการคัดสมาชิกสำหรับขับร้องเพลงนี้แค่บางส่วน แต่เนื่องจากการถอนตัวของสมาชิกอีกหลายคนจนทำให้วงเหลือหญิงสาวเพียงแค่ 17 คนเท่านั้น ซึ่งเกินมาจากจำนวนมาตรฐานของเซ็มบัตสึในแต่ละเพลงของ BNK48 ไปแค่นิดเดียว จึงทำให้เพลงต่อจากนั้นขับร้องโดยสมาชิกทั้งหมดซะเลย ไปจนถึงเพลง “ของขวัญ” ที่เป็นเพลงช้า แต่กว่าจะลง Spotify ก็ใช้เวลานานอยู่เหมือนกันนะ แม้ว่าใครจะมองว่าแนวเพลงของ 7th Sense นั้นเชย แต่ผมว่ามันก็ไพเราะในแบบเชยๆนะ เพราะว่าผมก็เป็นคนที่ยังชื่นชอบในการฟังเพลงของศิลปินทีนไอดอลยุค 90 – 2000 อยู่เสมอ เลยรู้สึกว่าเพลงมันก็ดีในแบบของมันนะ ขนาดศิลปินคนอื่นๆในปัจจุบันยังเลือกที่จะทำเพลงย้อนยุคเลย แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ฐานแฟนคลับของเหล่าหญิงสาวก็ได้ขยายเพิ่มมากขึ้นๆ แม้ว่าเหล่าแฟนคลับจะไม่สามารถมาดูพวกเธอซ้อมทุกวันอาทิตย์ได้อีกแล้วก็ตาม ตอนที่ผมกลับมามีโอกาสไปงานอีเวนท์ของพวกเธออีกครั้ง ซึ่งเป็นงานเทศกาลดนตรีของน้ำอัดลมยี่ห้อหนึ่งที่จัดขึ้นที่สยามสแควร์ ผมเห็นได้ชัดเจนเลยว่า มีแฟนๆตามมาดู มาให้กำลังใจกันอย่างมากมาย แถมยังมีแม้กระทั่งการยิงมิกซ์กับดนตรีของวง ที่ผมเคยคิดว่ามันจะยิงยังไงวะ ไทยป๊อปจ๋าซะขนาดนี้… แต่พอฟังเขายิงแล้ว อืม… ก็เข้ากันดีนะ

ต่อมา ครูจ๊อบ หรือโจบิซัง กับครูพิม ซึ่งเป็นผู้ฝึกสอน ทำเพลง และดูแลเหล่าหญิงสาว ได้ประกาศลาออกจากการเป็นทีมงานของวง ผมยอมรับเลยว่าตอนนั้นช็อคอยู่เหมือนกัน เพราะว่าครูจ๊อบถือว่าเป็นคนที่ปูภาพลักษณ์ให้กับวงเลยก็ว่าได้ ถ้าเขาออกแสดงว่าต้องมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เกิดขึ้นกับวงแน่นอน ซึ่งไม่ใช่แค่แนวเพลงแน่ๆ

และใช่ครับ การเปลี่ยนแปลงที่ว่านี้ไม่ได้เปลี่ยนแปลงแค่แนวเพลง แต่เป็นการเปลี่ยนแปลงสถานะของวงให้เป็นวงที่ปิดทำการไปเลย….

คืนวันที่ 26 เมษายนที่ผ่านมา ได้มีการโพสต์เอกสารจากทางวง 7th Sense ว่า วงจะยุติบทบาทตั้งแต่นี้เป็นต้นไป

ใบประกาศข่าวการยุติบทบาทของวง 7th Sense จากบริษัท เซเว่นธ์ เซ็นส์ กรุ๊ป จำกัด
(เครดิตภาพจาก : Seventh Sense)

ตอนนั้นมีหลายเสียงที่ได้กล่าวถึงเหตุการณ์นี้อย่างมากมาย ทั้งความสงสัยว่าทำไมถึงเป็นเช่นนี้? ความเสียดายที่วงกำลังจะเดินหน้าต่อไปแท้ๆ ไปจนถึง ความโกรธแค้นที่เห็นความฝันของหญิงสาวแตกสลาย… ยิ่งไปกว่านั้น พอพ้นคืนนั้นไปก็จะมีงานแสดงครั้งสำคัญด้วย และพวกเธอบางส่วนที่เพิ่งรู้ข่าวร้ายนี้จะทำตัวอย่างไรล่ะ?

เหตุการณ์นี้ทำให้ผมหน่วงมากจนนอนดึกกว่าที่กำหนดไว้ แต่ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคที่ทำให้ไปงานโอตะเฟสสาย เพราะเมื่อมาถึงก็พบว่าเลื่อนเวลาเข้างานเป็นบ่ายสองโมง ในงานนี้วง 7th Sense ไม่มีสินค้าพิเศษขาย ไม่มีกิจกรรมถ่ายรูปกับหญิงสาวเหมือนกับวงไอดอลอื่นๆในงาน มีเพียงแค่เหล่าหญิงสาวที่จะทยอยออกมาปรากฏตัวหน้าบูธ เพื่อพูดคุยและพบปะกับแฟนคลับ แน่นอนว่าข้างหน้าบูธคนเยอะมาก ทั้งถ่ายรูปและพูดคุยหยอกล้อกับหญิงสาวอย่างสนุกสนาน ผมไม่มีโอกาสได้พูดคุยกับตังตัง ซึ่งเป็นโอชิของผมสักเท่าไหร่ แต่เธอก็ได้บอกใน SNS ของเธอแล้วว่าไม่อยากให้เสียใจ อยากให้ยิ้มเหมือนเช่นทุกครั้ง ผมเลยแค่ยิ้มทักทายแค่พอเป็นพิธีเท่านั้น

ตังตังในขณะที่ยืนหน้าบูธของวงในงานโอตะเฟส
(เนื่องจากเข้างานในฐานะผู้เข้าชมปกติ จึงไม่สามารถถ่ายรูปด้วยกล้อง DSLR ได้)

พอถึงคิวที่วง 7th Sense ต้องขึ้นทำการแสดง สองเพลงแรกที่เป็นเพลงเร็ว พวกเธอได้ทำการแสดงเสมือนครั้งก่อนๆ จนกระทั่งเข้าสู่ช่วง MC ที่สมาชิกเริ่มร้องไห้ทีละคน ทุกคนที่กำลังชมการแสดงอยู่บนพื้นน้ำแข็งที่ปูทับด้วยแผ่นอะไรสักอย่างก็คงรู้สึกหน่วงๆเหมือนกับผม การที่ต้องมาสัมผัสกับความรู้สึกเสียใจของหญิงสาวที่เกิดขึ้นต่อหน้าจริงๆไม่ใช่ข้อความหรือรูปภาพที่โพสต์ลงใน SNS มันทำให้ความหน่วงนั้นมีมากกว่าเมื่อคืนเสียอีก

สาวๆ 7th Sense กับการแสดงหลังจากประกาศยุบวง…

แต่แฟนๆทุกคนก็ได้ส่งกำลังใจให้พวกเธอเช่นทุกครั้ง และคิดว่าต่อให้เส้นทางความฝันของแต่ละคนจะไปในทิศทางไหน แฟนๆก็ยังคงเป็นกำลังใจให้พวกเธอเสมอ ดั่งที่เนื้อเพลงท่อนสุดท้ายของท่อนฮุคในเพลงของขวัญที่ร้องไว้ว่า

“เราจะยืนข้างกันตลอดไป”

แต่การเดินทางของเหล่าหญิงสาวในฐานะของสมาชิกวง 7th Sense ยังไม่สิ้นสุดแค่นี้ เพราะพวกเธอยังมีงานแสดงที่รับไว้อีกราวๆสองงาน และเมื่องานพวกนั้นจบลง 7th Sense ก็จะเหลือเพียงแค่ชื่อตลอดกาล….

สำหรับผม เรื่องราวของหญิงสาวกลุ่มนี้เป็นอะไรที่มหัศจรรย์มากเลยนะ จากกลุ่มหญิงสาวที่มองจากภายนอกแล้วไม่รู้สึกถึงความเป็นไอดอลเลย จนได้รับการยอมรับจากผู้คนในฐานะวงไอดอลที่มีพื้นที่ยืนในสมรภูมินี้อย่างชัดเจน และถึงแม้ว่าเหล่าหญิงสาวจะต้องเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง แต่คิดว่าคงไม่เกิดความสามารถของพวกเธอแน่ๆ ถ้าคุณมีหนึ่งในหญิงสาวเหล่านี้เป็นโอชิล่ะก็… อย่าทิ้งเธอไปไหนนะครับ ให้กำลังใจเธอเหมือนที่เคยให้มาโดยตลอด เพื่อที่น้องจะได้มีแรงฮึดสู้อีกสักครั้งยังไงล่ะครับ

About Pan Yoshizumi 118 Articles
นอกจากซูเปอร์ฮีโร่จะเป็นสิ่งที่ผมชื่นชอบแล้ว ผมยังชอบไอดอลสาว และการท่องโลกอีกต่างหาก....