ทำลายกำแพงความซ้ำซากไปกับ Avataro Sentai DonBrothers | บทสัมภาษณ์ของโปรดิวเซอร์ Shirakura Shinichiro

คุณกำลังเบื่อขบวนการห้าสีที่อบอวลไปด้วยความรักและมิตรภาพอยู่ใช่หรือเปล่า?

คุณกำลังรำคาญความ Cringe ที่ซูเปอร์เซ็นไตมอบให้กับคุณมาหลายปี แบบที่ว่า “เอาอีกแล้วเหรอวะ?” อยู่ใช่หรือไม่?

และ… คุณกำลังบ่นว่าปีนี้ทีมงานมันสิ้นคิดอีกแล้ว CG ห่วยบรรลัยแล้วยังดื้อด้านทำออกมาอีก

ใช่ครับ เราไม่ได้มาหาข้อแก้ต่างอะไร แต่อยากจะเอาบทสัมภาษณ์ของโปรดิวเซอร์มือทอง (ของโตเอะ) Shirakura Shinichiro ผู้กุมบังเหียนทิศทางของหนังขบวนการห้าสีในปีนี้ Avataro Sentai DonBrothers มาให้อ่านกัน

  1. นี่คือก้าวใหม่ของวงการซูเปอร์เซ็นไต ที่จะฉีกธรรมเนียมและภาพลักษณ์เดิมทิ้งไป แน่นอนครับว่าคุณเคยเห็นนักแสดงฝั่งคาเมนไรเดอร์ไปออกตามรายการต่าง ๆ พวกเค้ามักจะถูกขอให้ “ทำท่าแปลงร่าง” โชว์ออกอากาศเสมอ แต่กับนักแสดงขบวนการห้าสีแล้ว เคยเจอกันบ้างหรือเปล่า?
    คำตอบคือไม่ หรืออาจจะมีแต่น้อยจริง ๆ การสร้างกระแสให้กลับมาอีกครั้งจึงเป็นเรื่องที่ต้องดำเนินการตั้งแต่ตอนนี้ และดอนบราเธอร์สคือก้าวแรกที่พวกเค้าจะทำ
  2. แตกต่างแบบไม่แตกแยก การออกแบบตัวละครให้อยู่ในสภาพของ Avatar นั้น ได้แนวคิดมาจากสภาพแวดล้อมของสังคมออนไลน์ในปัจจุบัน รวมไปถึงอิทธิพลจากภาพยนตร์เรื่อง Ready Player One ที่ตอนนี้เราทุกคนต่างก็มี Avatar เป็นของตัวเองไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง จะเป็นเกมออนไลน์ รูปโปรไฟล์ที่ไม่ใช่ตัวเรา หรือแม้กระทั่งตัวตนเสมือนที่เราใช้ในการทำธุรกรรมต่าง ๆ ล้วนแต่เป็นสิ่งอวตารด้วยกันทั้งนั้น
  3. คอนเซปต์ของการออกแบบคือทำให้ตัวละครนั้น แม้จะเป็นภาพเงามืดก็สามารถบ่งบอกถึงเอกลักษณ์และที่มาได้ ทีมงานจึงใช้ธีมของนิทานโมโมทาโร่ มาผสมกับคำว่าอวตาร จนกลายเป็นชื่อเรื่องอย่าง Avataro Sentai
  4. ทำไมต้อง CG ทำไปทำไม ทำไปเพื่ออะไร คิดว่าเก่งคิดว่าเจ๋งเหรอ… อ่อใช่ ชิราคุระบอกว่ามัน F R E E D O M ดี เพราะที่ผ่านมาสูทแอคเตอร์มีข้อจำกัดไง จะให้อยู่ ๆ สีแดงกระโดดบินขึ้นไปบนฟ้าทันทีทันใด กองถ่ายมันเหนื่อยนะโว้ย! ถ้าเราทำเป็น CG ล้ำ ๆ ล่ะ ตัวละครมันจะแปลงเป็นอะไรก็ได้ในนั้น นึกอยากบินก็บิน หรือดำดินก็ทำได้ สรุปคือมันให้อิสระในการเล่าเรื่องมากกว่า
    ส่วนคุณภาพนั่นเป็นอีกเรื่องนึง อันนี้บ่น ๆ ไปเถอะ เดี๋ยวปล่อยกราเวียร์นักแสดงคนก็ลืมแล้ว (ตรงนี้ชิราคุระไม่ได้กล่าว)
  5. เนื้อหาไม่หนักแน่นเหรอ… จัดให้! หลายคนอาจจะคุ้นเคยกับซูเปอร์เซ็นไตที่สมาชิกห้าคนนั่งอยู่ในฐาน มีผู้บัญชาการหนึ่งคน แล้วพอสัตว์ประหลาดออกมาก็ตะโกนสั่งการให้ออกปฏิบัติการ นั่นจะไม่เกิดขึ้นในดอนบราเธอร์สครับ เพราะนี่คือโลกของอวตาร ตัวละครทุกตัวเมื่อถึงเวลาต่อสู้จะถูก Summon เข้าสู่สนามรบ ไม่ต่างอะไรกับตอนที่เราเล่นโซเชี่ยลเน็ตเวิร์ค ต่างคนต่างอยู่คนละที่ แต่สามารถมาทำกิจกรรมออนไลน์ร่วมกันได้ หรือจะกล่าวง่ายกว่านั้นก็คือ “เกมออนไลน์” นั่นเอง ต่างคนต่างล็อคอินมาจากต่างที่ แต่พอถึงเวลาทำเควสร่วมกัน ก็นัดเจอนัดรวมตัว ตั้งตี้ตีมอนหาของกันไป
    ตัวละครแต่ละตัวจะมีชีวิตที่เป็นอิสระและแยกกันไปตามวิถีของตัวเอง อาจจะมีเจอกันบ้างในชีวิตจริง แต่ก็ไม่ได้มาสร้างมิตรภาพโชเน็นเหมือนเช่นหนังแปลงร่างเรื่องที่ผ่าน ๆ มา ถือว่าน่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว
  6. ละทิ้งวัฒนธรรมสีชมพู อย่างที่เห็นกันว่าปีนี้สีของตัวละครไม่ได้เป็นการกำหนดเพศอีกต่อไปแล้ว เพราะสีชมพูเองก็เป็นเพศอื่นได้มากกว่าเพศหญิง รวมไปถึงการกำหนดลักษณะนิสัยตัวละครที่มักจะให้สีแดงหัวร้อน สีน้ำเงินเยือกแข็ง และสีชมพูอ่อนหวานสดใส ทั้งหมดจะไม่เกิดขึ้นในปีนี้เช่นกัน เพราะคุณจะไม่สามารถคาดเดาทิศทางของตัวละครได้อย่างที่เคยเป็น
    สิบกว่าปีก่อนตอนที่ทีมงานสร้างคาเมนไรเดอร์ดีเคดขึ้นมา สีมาร์เจนต้า (เหมือนชมพู) ถูกนำมาใช้เป็นสีหลักของไรเดอร์สุดแกร่ง นั่นก็ถือว่าเป็นการเปิดทางให้กับการทำลายธรรมชาติของสีที่ยังติดตาผู้ชม ว่าสีชมพูนั้นอ่อนโยน ซึ่งสวนทางกับดีเคดที่เป็นผู้ทำลายล้าง ชิราคุระเสริมว่าซูปเปอร์เซ็นไตนั้นยังตามหลังแนวคิดเรื่องสีของคาเมนไรเดอร์อยู่เป็นสิบปี
  7. สืบเนื่องจากด้านบน แบบนี้จะปลูกฝังให้เด็กมีแนวคิดเรื่องการเปลี่ยนเพศหรือไม่? ชิราคุระตอกกลับมาเลยว่า “#อย่าคิดแทนเด็ก ให้เด็กคิดเอง” เพราะเพศสภาพ ความชอบ หรือเนื้อหาที่หลายคนคิดว่าเด็กไม่ควรดู ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่พวกเค้า “ต้องค้นหาด้วยตัวเอง” ผู้ใหญ่มีหน้าที่แนะนำอยู่ข้าง ๆ ก็พอ นี่คือปัจจัยหลักในการนำเสนอของโทคุซัทสึสมัยนี้อยู่แล้ว
    “ผมอยากให้เด็กเหล่านั้นเติบโตมาด้วยสิ่งที่พวกเค้าเป็นผู้กำหนดเอง ไม่ใช่สิ่งที่ผู้ใหญ่หรือสังคมยัดลงไปในสมองของพวกเค้า”ชิราคุระกล่าวเสริม
  8. อิโนะอุเอะ โทชิกิ ชื่อนี้แฟนหนังแปลงร่างน่าจะคุ้นกันดี คุณชิราคุระได้บอกต่ออีกว่าปีนี้เค้าขอให้คุณโทชิกิ “#จัดเต็ม” กับเนื้อหาที่เค้าต้องการอยากจะเขียน เดิมทีพล็อตประจำตัวของเค้าก็หนีไม่พ้นการไม่ลงรอยกันระหว่างสมาชิกในทีม จริงอยู่ว่าธรรมเนียมเดิมของซูเปอร์เซ็นไตคือ “ความสามัคคี / การทำงานเป็นทีม” ทว่ายุคสมัยมันเปลี่ยนไป สิ่งที่สำคัญกว่านั้นคือ “#อิสระและความหลากหลาย“ต่างหาก
    ใช่… เราเคยดูสมาชิกห้าคนนั่งแบ๊ว ๆ อยู่ในฐานรอคำสั่งจากผู้บัญชาการ แต่ดอนบราเธอร์สจะไม่ได้กล่าวถึงวัฒนธรรมแบบนั้นอีก ตัวละครทุกตัวมีชีวิตของตัวเอง มีดราม่าเป็นของตัวเอง และมีหน้าที่ที่ตนต้องรับผิดชอบแตกต่างกันออกไป แต่เมื่อได้มาทำงานร่วมกันแล้ว ตรงนั้นล่ะคือใจความสำคัญที่ซูเปอร์เซ็นไตปีนี้จะนำเสนอ เพราะพวกเค้าต่างทุ่มเทแรงกายและแรงใจเพื่อผลลัพธ์ที่ทุกคนต้องการ ไม่ต่างจากสังคมการทำงานในปัจจุบัน คิดกันแบบนั้นหรือเปล่าครับ?

source : thetv.jp