Reiwa คาเมนไรเดอร์ ผ่านมุมมองของ “ฟูจิโอกะ ฮิโรชิ”

พระเอกไอ้มดแดงตลอดกาล

“คาเมนไรเดอร์” ผลงานจากสุดยอดปรมาจารย์ อิชิโนะโมริ โชทาโร่ นับตั้งแต่ 3 เมษายน 1971 จนถึง 10 กุมภาพันธ์ 1973 รวมทั้งสิ้น 93 ตอนด้วยกัน จนถึงตอนนี้ก็เป็นเวลาเกือบครึ่งศตวรรษที่พวกเค้าโลดแล่นอยู่บนสายตาของผู้ชมทั่วโลก และมากไปกว่านั้นคือภาพสุดประทับใจของ ฟูจิโอกะ ฮิโรชิ ที่กำลังต่อสู้บนหลังอานมอเตอร์ไซค์อย่างเด็ดเดี่ยวกับบท ฮอนโก ทาเคชิ คาเมนไรเดอร์คนแรกของประวัติศาสตร์

เนื่องในโอกาสครบรอบปีที่ 80 ของอาจารย์อิชิโนะโมริ สินค้าพิเศษ “RAH Kamen Rider 1 and Cyclone Machine Ultimate Version set” ผลิตโดย Medicom ก็ได้เชิญคุณฟูจิโอกะมาสัมภาษณ์ในการโปรโมทครั้งนี้ด้วย

รู้สึกอย่างไรกับสินค้า “RAH Kamen Rider 1 and Cyclone Machine Ultimate Version set” ที่สื่อถึงฮีโร่ผู้ต่อสู้เพื่อความยุติธรรม และยอมสละได้แม้แต่ชีวิตของตนบ้างครับ?
ฟูจิโอกะ : เห็นตอนแรกก็ขนลุกครับ ภาพความทรงจำในเวลานั้นมันย้อนกลับมาใหม่อีกครั้ง เสียงของทีมงานที่ตะโกนในกองถ่ายว่า “ใส่ไปให้หมดทั้งหัวใจ!” มันก็แว่วขึ้นมาเหมือนเพิ่งได้ยินไปไม่นานนี้เอง

ตอนที่คุณฟูจิโอกะอายุ 25 ปีและได้รับเลือกให้มารับบทนี้จนกลายเป็นซีรีส์ที่มีเรทติ้งสูงที่สุดกว่า 30.1% เวลานั้นกระแสตอบรับเป็นอย่างไรบ้าง?
ฟูจิโอกะ : ผมสัมผัสได้ถึงแรงใจมหาศาลที่ส่งเข้ามาครับ มันเป็นอะไรที่สำคัญกับผมและทีมงานมาก รู้สึกได้เลยว่าสิ่งที่พวกเรากำลังทำอยู่มันคืองานสำหรับเยาวชนผู้เป็นกำลังสำคัญ และพวกเรากำลังจะปลูกฝังแนวคิดต่ออนาคตใหม่ให้กับคนในชาติอีกด้วย

ฟิกเกอร์ตัวนี้ถูกสร้างจากต้นแบบของ ฮอนโก ทาเคชิ ซึ่งทุกอย่างเหมือนกับต้นฉบับทุกประการ อีกทั้งยังสื่อถึงคุณฟูจิโอกะที่รับบทเป็นสูืแอคเตอร์เองอีกด้วย
ฟูจิโอกะ : ในตอนนั้นมันไม่มีเทคโนโลยีกราฟิกเข้ามาใช้ครับ ทุกอย่างต้องทำด้วยมือทั้งหมด รวมไปถึงฉากต่อสู้ที่ไม่มีการใส่เทคนิคพิเศษอะไรทั้งนั้น ผมต้องเล่นคิวบู๊เอง และต้องผ่านให้ได้ภายในฉากเดียวเพื่อประหยัดงบประมาณ เรียกได้ว่าทีมงานทุกคนเอาชีวิตเป็นเดิมพันกับงานนี้เลยครับ

ผมจำเหตุการณ์ในช่วงเวลานั้นได้ดี ทีมงานยุคโชวะทุกคนเอาจริงเอาจังมาก เพราะเป็นช่วงเวลาที่ประเทศเพิ่งผ่านสงครามใหญ่มาไม่นาน ทุกคนกำลังหวาดหวั่นกับอนาคตที่กำลังจะเกิดขึ้น แต่พวกเราก็ตัดสินใจร่วมกันสร้างงานนี้ขึ้นมา แม้ทุนจะน้อย และอุปกรณ์จะหนักอึ้งหรือสภาวะแวดล้อมจะไม่เอื้ออำนวยเพียงใด ทีมงานก็จะพยายามถ่ายทอดผลงานออกมาให้ดีที่สุด เพราะถ้าไม่ใช่เรา คงไม่มีใครอยากจะทำอีกแล้วครับ

อุบัติเหตุครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นในระหว่างการถ่ายทำครั้งนั้น ส่งผลอะไรบ้างครับ?
ฟูจิโอกะ : ความรู้สึกในช่วงที่คิดว่าตัวเองกำลังจะตายนั้นมันสิ้นหวังเอามาก ๆ ครับ เพราะถ้าผมรอด โอกาสที่จะกลับไปใช้ชีวิตเหมือนเดิมก็คงไม่มีอีก
แต่ถ้าผมไม่กลับไป คาเมนไรเดอร์อาจจะถูกปิดฉากลง คุณหมอก็เตือนแล้วว่าผมอาจจะมีร่างกายที่ไม่เหมือนเดิมอีก แต่ผมก็สู้กับมัน ผมเข้าฟื้นฟูสภาพร่างกายอย่างช้า ๆ ใช้กล้ามเนื้อทุกส่วนให้มากที่สุด ฝึกกล้ามเนื้อขาด้วยบาร์เบลทุกวัน สุดท้ายผมก็กลับมาได้ … ผมก้าวข้ามมันมาด้วยแรงใจของผมเอง รวมไปถึงแรงใจจากทุกคนที่มอบให้

สามปีก่อน คุณฟูจิโอกะได้กลับมาปรากฏตัวในภาพยนตร์คาเมนไรเดอร์หมายเลข 1 (2016) นับเป็นครั้งแรกในรอบ 44 ปีที่กลับมารับบทเดิมอีกครั้ง ตอนนั้นมีเหตุผลอะไรที่ทำให้กลับมาครับ?
ฟูจิโอกะ : ตอนที่มีข้อเสนอเข้ามาก็เป็นกังวลอยู่ครับ แก่ขนาดนี้จะออกหน้ากล้องไหวอยู่รึเปล่า แต่เพราะคำชักชวนของโปรดิวเซอร์ (ชิราคุระ ชินอิจิโร่) ที่แนะนำว่าผมควรจะออกมาเป็นแบบอย่างให้กับเหล่านักแสดง ทีมงาน อีกทั้งเป็นการแสดงความขอบคุณต่อผู้ที่ให้ความรักและให้การสนับสนุนตัวผมมาโดยตลอด ผมจึงตัดสินใจได้อย่างไม่ยากเย็นอะไร

ในภาพยนตร์คาเมนไรเดอร์หมายเลข 1 คุณฟูจิโอกะเองก็มีส่วนร่วมด้วยตั้งแต่งานโปรดักชั่น ตอนนั้นได้ใส่แนวคิดอะไรลงไปต่อเด็กในยุคนี้บ้าง?
ฟูจิโอกะ : ผมอยากจะเสนอภาพออกมาภายใต้แนวคิดที่ว่า “พวกเรามีชีวิตอยู่เพื่ออะไร?” เพียงเพื่อมีความสุขต่อตนเองบนโลกใบนี้เท่านั้นน่ะหรือ? เราหลงลืมคนรอบข้างไปบ้างหรือเปล่า? ผมอยากให้เด็ก ๆ สำนึกต่อทุกชีวิตรอบตัว เพราะทุกชีวิตนั้นมีค่า และคู่ควรแก่การรักษามันไว้
แม้ว่ามันอาจจะดูเหมือนไม่มีอะไรก็จริง แต่ถ้าพิจารณาแล้วทุกชีวิตนั้นเท่าเทียม ใครก็ตามที่ทำลายชีวิตคนอื่นย่อมต้องรับผลตามที่ก่อเอาไว้ ความยุติธรรมจะเป็นตัวชี้นำทุกอย่างอีกทั้งยังปกป้องไม่ให้พวกเค้าถูกรังแกจากคนพาล ผมเลยอยากมอบสิ่งนี้ไว้ในใจของเด็กที่ได้ชมภาพยนตร์ครับ

คาเมนไรเดอร์คือซีรีส์ที่ได้รับความนิยมมาโดยตลอด แต่คุณฟูจิโอกะก็ได้รับเลือกให้เป็นอันดับ 1 ในใจของทุกคนเสมอ
ฟูจิโอกะ : เพราะไรเดอร์หมายเลขหนึ่งคือจุดเริ่มต้นของทุกเรื่องราวครับ ความยุติธรรมมันก่อตัวขึ้นในใจของเด็ก ๆ ได้เสมอ ฮีโร่ผู้ต่อสู้และปกป้องทุกอย่างแม้จะต้องสละสิ่งสำคัญของตนไปก็ตาม นั่นคือ “ข้อความ” ที่หมายเลขหนึ่งได้ส่งต่อไปยังจิตใจของเด็กทุกคน จนถึงตอนนี้ไรเดอร์ทุกคนก็ทำแบบนั้นอย่างไม่เปลี่ยนแปลง

วันนี้ยุคสมัยได้เปลี่ยนมาเป็น “เรวะ” แล้ว อีกทั้งไรเดอร์คนใหม่ของยุคก็ถือกำเนิดขึ้นมาอีกด้วยเช่นกัน มีความรู้สึกอย่างไรต่อยุคสมัยใหม่บ้างครับ?
ฟูจิโอกะ : เรวะคือ “ยุคแห่งสันติ” สันติที่สร้างจากเซลล์นับร้อยรวมตัวกันจนเป็นล้าน ๆ และก่อกำเนิดจนกลายเป็นมนุษย์ ผมรู้สึกประทับใจที่มนุษย์เราแก้ไขทุกอย่างด้วยความรักและการเอาใจใส่คนรอบข้างได้
ยุคสมัยใหม่คือสิ่งที่พวกเรากำลังจะก้าวต่อไป ด้วยตัวของเรา ด้วยเด็ก ๆ ที่เป็นลูกหลานของเรา การปลูกฝังให้พวกเค้ามีแนวคิดรักความยุติธรรมและความดีงาม คือหัวใจหลักที่คาเมนไรเดอร์ต้องสื่อไปยังพวกเค้า การส่งต่อความรัก ความหวัง ความกล้าหาญ และความกล้าที่จะฝัน ผมดีใจที่ไรเดอร์ทุกคนยังรักษาสิ่งเหล่านี้ไว้ได้แม้จะก้าวมาถึงยุคใหม่แล้วก็ตาม


นี่คือสิ่งที่โลกใบนี้ และยุคสมัยใหม่ต้องการมากที่สุดครับ

ช่วงที่ถ่ายทำคาเมนไรเดอร์ซีรีส์ คุณฟูจิโอกะมีโอกาสได้ไปเยี่ยมเด็ก ๆ ที่กำลังป่วยในโรงพยาบาลหลายจังหวัด สิ่งเหล่านี้คือแรงบันดาลใจที่ทำให้คุณกลายมาเป็นจิตอาสาออกช่วยเหลือผู้คนในพื้นที่ห่างไกล รวมไปถึงต่างประเทศด้วยหรือเปล่าครับ?
ฟูจิโอกะ : ผมเดินทางไปมาแล้วมากกว่า 100 ประเทศ ทั้งค่ายผู้อพยพ พื้นที่สงคราม สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ทุกที่ที่ผมไป ผมจะฝากข้อความเอาไว้เสมอว่า “นี่คือหัวใจจากชาวญี่ปุ่น” ผมมักจะแสดงวิถีแห่งดาบให้พวกเค้าได้รับชม และภาพของฮีโร่ผู้สร้างสันติและความสุขให้กับคนทั้งโลก ด้วยจิตวิญญานซามูไรจากญี่ปุ่นนี่ล่ะครับ

ได้เล่าเรื่องราวของอาจารย์อิชิโนะโมริให้พวกเค้าฟังบ้างหรือเปล่าครับ?
ฟูจิโอกะ : แน่นอนครับ แต่ผมคงไม่ได้เล่าอะไรตรง ๆ ไปแบบนั้น เราคงไม่สอนคันจิให้กับเด็กเล็กถูกไหม? เราต้องเริ่มจากฮิรางานะ หรือคาตาคานะก่อน เพื่อให้เค้าเปิดใจรับและง่ายต่อการสร้างความเข้าใจ … ผมจึงใช้การ์ตูนเป็นสื่อ เพราะนั่นคือวิธีที่ง่ายที่สุดใจการเข้าถึงผู้คน

มีอะไรอยากทิ้งท้ายเอาไว้บ้างครับ?
ฟูจิโอกะ : ประเทศญี่ปุ่นกำลังก้าวไปในทิศทางที่ดี และยุคเรวะคือก้าวแรกสู่สันติอันแท้จริง อาจารย์อิชิโนะโมริเคยกล่าวเอาไว้ “ผมเชื่อว่าคนเราทุกคนมีช็อคเกอร์อยู่ในใจ ชีวิตคนเรานั้นต่อสู้กับจิตใจของตนเองตลอดเวลา แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณลุกขึ้นมาสู้กับมันจนได้รับชัยชนะ … คุณจะกลายเป็นฮีโร่” นี่คือสิ่งที่ผมต้องการจะถ่ายทอดไปยังเด็กรุ่นใหม่ ในฐานะผู้ใหญ่คนหนึ่งที่สร้างอนาคตให้กับพวกเค้าครับผม

ที่มา : https://openers.jp/design/design_features/lEK9J