[Review] Kamen Rider : Reiwa The First Generation เปิดตำนานหน้ากากมดยุคเรวะ

เมื่อญี่ปุ่นเข้าสู่ยุคใหม่ แน่นอนว่ามาสค์ไรเดอร์ก็ต้องเข้าสู่ยุคใหม่ด้วยเช่นกัน “เซโร่วัน” มาสค์ไรเดอร์คนแรกของยุคเรวะ กับการต่อสู้ครั้งใหญ่ เพื่อพิสูจน์ศักดิ์ศรีความเป็นหมายเลข 1 ของยุค และเนื่องจากว่าเป็นมูฟวีส่งท้ายปีเมื่อปี 2019 ที่ผ่านมา มาสค์ไรเดอร์รุ่นพี่อย่าง “จิโอ” จึงได้เข้ามาส่งไม้ต่อ เพื่อเป็นสัญลักษณ์ของการผลัดเปลี่ยนยุคสมัยด้วยเช่นกัน

โทวคิวะ โซโกะ(ขวา) และฮิเด็น อารูโตะ(ซ้าย) ต้องร่วมมือกันเพื่อหยุดยั้งแผนการร้ายนี้

จริงๆ ภาพยนตร์เรื่องนี้มีกำหนดฉายรอบพิเศษตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา แต่เนื่องจากสถานการณ์เชื้อไวรัส Covid-19 ที่ระบาดหนักมากในบ้านเรา จึงทำให้ต้องปิดสถานที่ต่างๆ โดยเฉพาะโรงภาพยนตร์ ก็ต้องเลื่อนไปตามระเบียบ จนกระทั่งในที่สุด โรงภาพยนตร์ก็ได้เปิดให้บริการสักที…

อนาเธอร์เซโร่วัน ตัวร้ายหลักของเรื่อง

เรื่องย่อ :
จู่ๆ โลกก็ถูกปกครองโดยฮิวมาเกียร์ มนุษยชาติถูกกวาดล้างจนต้องอยู่อย่างหลบๆ ซ่อนๆ “ฮิเด็น อารูโตะ” ได้สูญเสียตำแหน่งประธานให้กับ “วิล” ฮิวมาเกียร์ผู้สามารถแปลงร่างเป็น “อนาเธอร์เซโร่วัน” ได้ ในขณะเดียวกัน ผลจากการที่ฮิวมาเกียร์ครองโลกก็ส่งผลต่อ “โทวคิวะ โซโกะ” และเพื่อนๆ เช่นกัน ด้วยเหตุนี้ พวกเขาจึงต้องทำให้ทุกอย่างกลับมาเหมือนเดิมให้ได้

อารูโตะได้สูญเสียเข็มขัดเซโร่วันไดรเวอร์ไป จึงต้องต่อสู้โดยการใช้ฟอร์ซไรเซอร์ในการแปลงร่างแทน

รีวิว :
เนื่องจากว่าหนังมันขึ้นชื่อว่าเรวะ เลยทำให้ตัวหนังหนักไปทางเซโร่วัน หนักไปทางฮิวมาเกียร์ซะมากกว่า แต่การเข้ามาของจิโอและอนาเธอร์ไรเดอร์ก็มีส่วนที่ทำให้มันสนุกขึ้น และไม่คิดว่าหนังไรเดอร์จะกลับมาใช้พล็อตแนว Post-Apocalyptic (ว่าด้วยเรื่องราวหลังการล่มสลายของอารยธรรมมนุษย์) อีกครั้ง ซึ่งหนังไรเดอร์ที่ผ่านๆ มา ที่มีเนื้อหาแนวนี้ ก็จะมีทั้ง Kamen Rider 555 : Paradise Lost, Kamen Rider Kabuto : God Speed Love และอื่นๆ โดยเฉพาะเรื่องแรก ที่รายละเอียดเนื้อหาเกี่ยวกับความขัดแย้งของสองเผ่าพันธุ์นั้นทำได้ซับซ้อนและเข้มข้นเอามากๆ แม้ว่าในส่วนของเรื่องนี้จะไม่ได้มีเนื้อหาที่ซับซ้อนขนาดนั้น แถมยังย่อยง่ายเอามากๆ แต่ความสนุกและอารมณ์ของความขัดแย้งระหว่างมนุษย์กับฮิวมาเกียร์ก็ยังคงถ่ายทอดออกมาได้ดี มันน่าสนใจตรงที่ว่า อารูโตะที่มีอุดมการณ์อันแรงกล้าที่จะสร้างสังคมซึ่งมนุษย์กับฮิวมาเกียร์จะอยู่ร่วมกันได้ ถ้ามาอยู่ในสถานการณ์ที่ความฝันของเขาแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย เขาจะยังคงเชื่อมั่นแบบนั้นได้อีกหรือไม่?

โลกที่เหล่ามนุษยชาติสิ้นหวัง มีเพียงแต่มาสค์ไรเดอร์เท่านั้นที่จะนำพาความหวังกลับมา

ส่วนการนำเสนอคาแร็คเตอร์ต่างๆ ในส่วนของตัวร้ายประจำเรื่อง ทั้งวิลและไทม์แจ็คเกอร์ฟีนิส คนหลังอาจจะไม่ค่อยมีอะไรให้พูดมากนัก เพราะด้วยความเป็นไทม์แจ็คเกอร์อ่านะ แต่วิล แรงจูงใจชัดเจนมากเลย และที่พูดถึงไม่ได้เลยก็คือ “มาสค์ไรเดอร์อิจิกาตะ” หรือ “ฮิเด็น โซเรโอะ” ในซีรีส์เราก็รู้กันอยู่แล้วว่าเป็นฮิวมาเกียร์ที่ถูกสร้างขึ้นมาให้เหมือนกับพ่อของอารูโตะ ที่เสียชีวิตไปตั้งแต่อารูโตะยังจำความไม่ได้ ตัวละครตัวนี้ค่อนข้างมีความหมายกับชีวิตพระเอกของเรามาก การจะให้เขามาเป็นตัวร้ายนั้น ค่อนข้างจะเสี่ยงต่อภาพจำของคนดูในระยะยาวพอสมควร แถมร่างไรเดอร์ยังเอากลิ่นอายของมาสค์ไรเดอร์หมายเลข 1 ที่เรียกว่าเป็นพ่อปู่ของเหล่าไรเดอร์เลยก็ว่าได้มาใช้อีก แต่หนังนำเสนอคาแร็คเตอร์ฮิเด็น โซเรโอะได้ลงตัวมาก จนคนดูต้องหลงรักตัวละครตัวนี้แน่ๆ

ฮิเด็น โซเรโอะ คุณพ่อของอารูโตะ ที่ในภาคนี้ได้กลายเป็นตัวร้ายไปซะแล้ว

อีกอย่าง พัฒนาการของเหล่าตัวละครหลักก็เป็นสิ่งที่ทำให้เราอินกับเนื้อหาได้ไม่ยาก โดยเฉพาะโซโกะที่พอมาถึงตรงนี้แล้วก็เริ่มสุขุมมากขึ้น ผิดจากช่วงที่เป็นไรเดอร์แรกๆ แต่ตอนนี้ก็กลายเป็นรุ่นพี่ที่ดูพึ่งพาได้ของอารูโตะไปซะแล้ว ผมก็แอบคิดเหมือนกันนะ ว่าอีก 9 ปีข้างหน้า ถ้าโอคุโนะ โซกลับมาเล่นบทนี้อีกครั้งในซีรีส์รุ่นน้อง คงเป็นโทคิวะ โซโกะที่เท่ระเบิดไปเลย ส่วนความสัมพันธ์ของคู่หนุ่มสาวในเซโร่วันนั้น ก็มีบทที่ทำให้เราฟินจิกหมอนด้วยเช่นกัน ชนิดที่ว่าถ้าซีรีส์จบแล้วไม่แต่งงานกัน กองอวยคงมีไประเบิดสตูดิโอโตเอะบ้าง

จอมมารของเราในภาคนี้กลายเป็นรุ่นพี่ที่ดูพึ่งพาได้แล้ว…

แต่ที่ผมกังวลสุดๆ เลยก็คือ การมีอยู่ของ “จิน” กับ “โฮโรบิ” ผมแอบสงสัยนะว่าจะจัดสองตัวร้ายแห่งเม็ตสึโบจินไร.เน็ตนี้ให้อยู่ในหนังยังไง? เพราะเรื่องนี้ก็มีตัวร้ายใหม่ที่ต้องให้ความสำคัญ แต่สองคนนั้นก็เป็นไรเดอร์ จะให้เป็นตัวประกอบไม่ได้ จะให้ย้ายไปอยู่ฝั่งธรรมะชั่วคราวก็แปลกๆ แต่สุดท้าย หนังก็จัดความสำคัญได้โอเคเลย ไม่โดดเด่นเกินหน้าเกินตาตัวร้ายหลัก แต่ก็ไม่ถึงขั้นจืดจาง

จินกับโฮโรบิ…

ส่วนของโปรดัคชั่น มันพัฒนาขึ้นจากเรื่องก่อนๆ มาก ออกแบบการเคลื่อนมุมกล้องได้เท่มากจริงๆ แถมฉากแอ็คชั่นก็ทำได้มันส์สะใจซะเหลือเกิน ทั้งสูทแอคเตอร์และนักแสดง โดยเฉพาะโอชิดะ กาคุที่เล่นฉากบู๊ได้มันส์สะใจมาก ซีจี สเปเชียลเอฟเฟคมีพัฒนาการมากขึ้นกว่าเรื่องก่อนๆ อีกอย่างที่ชอบคือ ไหนๆ ก็มาแนว Post-Apocalyptic ขนาดนี้ละ เลยจัดฉากความรุนแรงเข้าไปแบบเต็มๆ ผู้ปกครองท่านไหนที่พาบุตรหลานไปดู รบกวนสังเกตอาการของน้องๆ อย่างใกล้ชิดด้วยนะครับ

การต่อสู้ครั้งใหม่ของท่านจอมมารและผองเพื่อน

สรุปภาพรวมพร้อมให้คะแนน :
ในฐานะภาพยนตร์เปิดตำนานเรวะไรเดอร์ : สมศักดิ์ศรีแบบไม่มีข้อกังขา
ความสนุกเมื่อเทียบกับภาพยนตร์ไรเดอร์เรื่องก่อนๆ : สนุกขึ้นมาก แต่ก็ไม่ได้ถึงขั้นทิ้งห่าง
สมควรยกให้เป็นมาสเตอร์พีชอีกเรื่องของมาสค์ไรเดอร์มั้ย? : ไม่ขนาดนั้น อีกนิดเดียวเอง…

แต่ผมให้ 9/10 เลยครับ

เรื่องนี้จะฉายจริง 6 กรกฎาคมนี้นะครับ แต่วันที่ 21 มิถุนายนยังมีรอบพิเศษที่เซ็นทรัลเวิลด์อีกนะครับ อยากดูก่อนใคร จัดเลยครับ

About Pan Yoshizumi 118 Articles
นอกจากซูเปอร์ฮีโร่จะเป็นสิ่งที่ผมชื่นชอบแล้ว ผมยังชอบไอดอลสาว และการท่องโลกอีกต่างหาก....