ชมภาพยนตร์ในประเทศญี่ปุ่นต้องทำอย่างไรบ้าง?

อยู่เมืองไทยคุณใช้บริการโรงภาพยนตร์อย่างไร มาเที่ยวญี่ปุ่นคุณก็ใช้บริการโรงภาพยนตร์อย่างนั้นแหละครับ…

….

(ขอรายละเอียดเพิ่มเติมหน่อยเซ่!!)

โอเคครับ สำหรับแฟนโทคุซัทสึแล้ว ถ้ามีโอกาสได้บินไปเที่ยวที่ญี่ปุ่น ก็คงอยากที่จะซึมซับกลิ่นอายของภาพยนตร์โทคุซัทสึในขณะท่องเที่ยวให้มากที่สุดใช่มั้ยล่ะ? ผมแนะนำเลยว่า การมาชมภาพยนตร์โทคุซัทสึบนจอใหญ่ๆ ระบบเสียงดีๆ มันคือกิจกรรมที่ทำให้เราได้รับกลิ่นอายของภาพยนตร์โทคุซัทสึได้อย่างถึงใจที่สุดแล้ว ถึงแม้ว่าบางคนที่ฟังภาษาญี่ปุ่นไม่ออกอาจจะคิดว่ามันก็ไม่ต่างกับการโหลดไฟล์ Raw ทางอินเทอร์เน็ตมานั่งดูหน้าคอมพ์ก็ตามแต่ แต่อย่างน้อยเราก็สามารถมั่นใจได้ว่า เงินที่เราเสียไปนั้น จะส่งไปถึงผู้สร้างภาพยนตร์อย่างแน่นอน(ขอข้ามเรื่องส่วนแบ่งรายได้ระหว่างทางโรงภาพยนตร์กับผู้สร้างภาพยนตร์ละกันนะ ไม่มีข้อมูลว่าเขาแบ่งรายได้กันอย่างไร?) และยังเป็นกิจกรรมที่สามารถทำได้โดยง่าย เพียงแค่เดินทางไปที่โรงภาพยนตร์ที่ท่านสะดวก แล้วจองตั๋ว รอเวลาเข้าโรง เพียงเท่านี้ก็สามารถสัมผัสกลิ่นอายของโทคุซัทสึได้อย่างถึงพริกถึงขิงแล้ว….

**แต่ก่อนที่จะเดินทาง จะก่อนไปโรงภาพยนตร์หรือก่อนบินไปญี่ปุ่นก็ได้ กรุณาตรวจสอบให้ดีว่าภาพยนตร์ที่เราจะดูนั้นเริ่มฉายตั้งแต่วันที่เท่าไหร่ แล้วก็นับถอยหลังไปสัก 1-1.5 เดือนก็ได้ ถ้ายังอยู่ในช่วงเวลานั้นก็สามารถเดินทางซื้อตั๋วไปรับชมภาพยนตร์อย่างใจต้องการได้แล้วครับ**

ตั๋วภาพยนตร์ระบบปกติในประเทศญี่ปุ่นสำหรับผู้ใหญ่ 1 ท่าน จะมีราคาอยู่ที่ 1,800 เยน ถ้าคิดเป็นเรทเงินไทยแบบง่ายๆด้วยเรท 0.3 ก็จะเท่ากับ 540 บาท

ซึ่งมันเป็นราคาที่สูงมากนะ ถ้าเป็นที่เมืองไทยเงินจำนวนนี้สามารถรับชมภาพยนตร์ในระบบ 4มิติ โดยไม่ต้องใช้ส่วนลดใดๆเลย แต่การรับชมภาพยนตร์ในโรงภาพยนตร์มันได้อรรถรสกว่าแน่นอน และภาพยนตร์โทคุซัทสึก็ไม่ได้มาฉายในโรงภาพยนตร์เมืองไทยบ่อยๆด้วย อีกอย่าง ได้ดูก่อนเพื่อนคนอื่นที่ต้องรอไฟล์ Raw อีก 3-4 เดือนด้วยนะนั่น สำหรับคนอื่นจะคิดเช่นไรก็ไม่ทราบนะ แต่สำหรับผมแล้ว มันคุ้มนะ ถึงจะฟังไม่ค่อยออกจนไม่รู้รายละเอียดบางส่วนก็ตามเถอะ

ตอนที่ผมไปญี่ปุ่นก็มีโอกาสใช้บริการโรงภาพยนตร์สองแห่ง ซึ่งผมก็จะมาแบ่งปันประสบการณ์ในการใช้บริการกัน เผื่อใครขี้เกียจหาข้อมูลโรงภาพยนตร์ก็สามารถอ่านบทความนี้แล้วไปตามที่ผมไปก็ได้นะครับ ง่ายดี


โรงภาพยนตร์ Shinjuku Wald9 Cinema
(ถ่ายเมื่อเดือนสิงหาคม ปี 2017)

เริ่มจากที่แรกกันก่อนเลยนะครับ นั่นก็คือ โรงภาพยนตร์ Shinjuku Wald9 Cinema ซึ่งตั้งอยู่ชั้นบนของห้างสรรพสินค้า OIOI (หรือที่ผมชอบเรียกว่าห้างอ้อยอ้อย) เป็นโรงภาพยนตร์ที่เพื่อนผมที่เคยไปญี่ปุ่นมาก่อนเป็นคนแนะนำมาตั้งแต่เมืองไทย การเดินทางง่ายมากครับ เพียงแค่นั่งรถไฟมาลงที่สถานีชินจุกุแล้วเดินมาอีกสักหน่อยก็ถึงแล้วครับ แต่ถ้าจะเอาแบบใกล้ๆเลยนะ แนะนำให้นั่งรถไฟใต้ดินสายมารุโนจิมาลงที่สถานีชินจุกุ-ซันโจเมะเลยครับ โรงภาพยนตร์นี้ผมมาใช้บริการเมื่อช่วงเดือนสิงหาคมปี 2017 ถ่ายวิดีโอบล็อกไว้ด้วย สามารถรับชมได้ตามด้านล่างเลยครับ

หน้าโรงภาพยนตร์จะอยู่ที่ชั้น 9 ของห้างสรรพสินค้า OIOI และตัวโรงภาพยนตร์จะอยู่ที่ชั้น 9 ชั้น 11 และชั้น 13 โดยจะมีถึง 9 โรงด้วยกัน แต่เราสามารถซื้อตั๋วชมภาพยนตร์ได้ตั้งแต่ชั้นล่างเลย เพราะมีตู้ขายตั๋วภาพยนตร์อัตโนมัติตั้งให้ผู้คนได้กดซื้อตั๋วภาพยนตร์ทันทีที่เดินเข้ามา โดยตัวตู้นี้ก็ใช้งานง่ายมากครับ เพราะเมนูตรงหน้าจอจะมีภาษาอังกฤษกำกับข้างๆภาษาญี่ปุ่นแบบไม่ต้องกดเปลี่ยนภาษาให้ยุ่งยาก สิ่งที่คุณต้องทำก็คือกดครับ โดยกดที่คำว่า “Purchase” ที่มีรูปตั๋วกับเหรียญเยนก่อนเลย เพราะเราจะซื้อสดตรงนี้เลย จากนั้นก็เลือกวันที่จะดู เลือกภาพยนตร์ที่จะรับชม ซึ่งตรงนี้จะเป็นงานยากละถ้าคุณอ่านคันจิไม่ออก เพราะชื่อภาพยนตร์จะมีภาษาอังกฤษกำกับแค่ภาพยนตร์ต่างประเทศเท่านั้น แต่ก็คงไม่ยากเกินความสามารถของแฟนโทคุซัทสึชาวไทยหรอก โดยเฉพาะแฟนอุลตร้าแมนกับคาเมนไรเดอร์ คงเห็นตัวคันจิคำว่า ウルトラマン และ 仮面ライダーจนชินตาแล้วแหละ เจอตัวอักษรพวกนี้เรียงกันแบบนี้เมื่อไหร่ก็กดเลยครับ แต่ถ้าเอาให้ชัวร์นะครับ เซิร์ช Google ก็ได้ครับ

หน้าจอตู้ขายตั๋วภาพยนตร์ขณะเลือกภาพยนตร์ที่จะรับชม ซึ่งภาพยนตร์ญี่ปุ่นจะไม่มีชื่อภาษาอังกฤษกำกับเหมือนภาพยนตร์ต่างประเทศ
(ภาพจากวิดีบล็อก)

จากนั้นก็เลือกรอบฉาย เลือกที่นั่ง(ราคาเท่ากันหมด) เลือกราคาตั๋ว ซึ่งตรงนี้ก็เป็นงานยากอีกเช่นกัน เพราะไม่มีภาษาอังกฤษกำกับอีกแล้วครับ ซึ่งราคาตั๋วนั้นมีหลากหลายมากครับ สำหรับประชากรหลายๆแบบ ตอนที่ผมจอง ผมก็งงนะว่าควรกดราคาเท่าไหร่ถึงจะเหมาะสมกับประชากรแบบผม ถ้าเกิดกดราคา 1,000 เยนก็กลัวจะไม่ใช่ตั๋วสำหรับประชากรแบบผมอีก จนกระทั่งผมเหลือบไปเห็นป้ายที่แปะอยู่ข้างๆ ที่มีหน้าตาคล้ายกับหน้าจอเมนูราคาตั๋วนี่เลย ก็พบว่า ถ้าเป็นนักศึกษา สามารถซื้อตั๋วชมภาพยนตร์ได้ในราคา 1,500 เยน ผมก็กดเลือกราคานักศึกษาทันที เพราะตอนนั้นผมก็ยังเป็นนิสิตอยู่(ถึงจะไม่ใช่ของประเทศนี้ก็ตามที) แถมบัตรนิสิตก็พกมาด้วย ถ้ามีปัญหาตอนเข้าโรงก็ควักให้เขาดูละกัน แอมสติลบีอะสติวเดนท์นะ ยูโน้ว? จากนั้นก็เช็ครายละเอียด ว่าสิ่งที่เราเลือกมาตั้งแต่ต้นมันถูกไหม ตรงนี้ต้องตรวจทานให้ดีๆ เพราะถ้าจ่ายเงินแล้วจะไม่รับคืนเด็ดขาด ถ้ามีข้อมูลตรงไหนไม่ถูกต้องก็ไปแก้ แต่ถ้าถูกต้องหมดก็กดยืนยันได้เลย


หน้าจอตู้ขายตั๋วภาพยนตร์ขณะเลือกราคาตั๋ว ซึ่งจะมีราคาที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับสถานภาพของลูกค้า กดให้ถูกต้องตามสถานภาพของตัวเองนะครับ อย่างกเด้อ
(ภาพจากวิดีโอบล็อก)

แล้วก็เลือกวิธีการจ่ายเงิน ซึ่งสามารถชำระได้ทั้งเงินสด และเครดิตการ์ด โดยจะมีช่องให้หยอดเหรียญและธนบัตรถ้าจะจ่ายด้วยเงินสด พอหยอดเงินครบตามจำนวนก็กด Ticketing เพื่อยืนยัน เท่านี้ ตู้ก็จะออกตั๋วกระดาษมาให้เราใช้เข้าโรงแล้วนะครับ ซึ่งตั๋วจะไม่ใช่ระบบฉีกหางแบบบ้านเรานะครับ แต่จะใช้การแสกนบาร์โค้ดบนตั๋วแทน

ตั๋วชมภาพยนตร์ Kamen Rider Ex-aid True Ending ในโรงภาพยนตร์ Wald9 Cinema

**ข้อมูลทั้งหมดนี้เกิดจากการไปใช้บริการในปี 2017 ตัวระบบการซื้ออาจจะมีการอัพเดตเพิ่มเติม**

บันไดที่จะพาขึ้นไปยังหน้าโรงภาพยนตร์ Wald9 Cinema
(ภาพจากวิดีโอบล็อก)

บันไดที่จะพาขึ้นไปยังหน้าโรงภาพยนตร์จะอยู่ ณ มุมอับของชั้น 8 พยายามสังเกตป้าย Wald9 Cinema ไว้ พอขึ้นไปถึงปุ๊บ โอ้โห… หน้าโรงภาพยนตร์สวยมาก หรูดูดีมีระดับเหมือนโรงภาพยนตร์ดังๆของบ้านเราเลย มีบูธป๊อปคอร์น บูธขายสินค้าที่ระลึกจากภาพยนตร์ที่ฉาย(ถ้าใครอยากจะซื้อสินค้าที่ระลึกจากภาพยนตร์คาเมนไรเดอร์หรือซูเปอร์เซนไท ผมแนะนำให้มาซื้อที่โรงภาพยนตร์นี้เลย เพราะของเยอะมากกกก!!!) แต่ผมขอข้ามการรีวิวสองจุดนี้ไป เพราะไม่ได้ซื้อป๊อปคอร์นหรือสินค้าที่ระลึกเลย

หน้าโรงภาพยนตร์ Wald9 Cinema

พอถึงเวลาที่ภาพยนตร์จะฉาย ผมก็เดินต่อแถวเข้าไป แสกนตั๋วผ่านฉลุยเลยครับ เขาไม่สงสัยว่าผมเป็นนักเรียนนักศึกษาจริงหรือเปล่า? ภาพยนตร์ที่ผมซื้อตั๋วดูในวันนั้นคือ Kamen Rider Ex-aid True Ending และเป็นช่วงที่ภาพยนตร์เพิ่งฉายไปแค่ไม่กี่วัน ผมเลยได้สินค้าที่ระลึกเล็กๆน้อยๆก่อนที่จะเดินเข้าโรงไปด้วย นั่นก็คือเหรียญของคาเมนไรเดอร์เอ็กเซด สำหรับเล่นกับตู้เกม Kamen Rider Buttobasoul และก็บัตรของคิวเรนเจอร์ ที่เป็นบัตรสมาชิกของคิวเรนเจอร์โดยสุ่มจาก 12 คน ผมได้ลายของโฮโอโซลเยอร์ และก็ให้เพื่อนไปแล้ว(เพราะมันขอ…) ตัวโรงภาพยนตร์ใหญ่มากครับ และการวางแถวที่นั่งก็ไม่ค่อยชันมาก ถ้าเทียบกับโรงภาพยนตร์ไทย

สรุปข้อดีและข้อเสีย

ข้อดี
-มีตู้ขายตั๋วภาพยนตร์ พร้อมเมนูภาษาอังกฤษกำกับ หมดปัญหาเรื่องการคุยกับพนักงานขายตั๋วไม่รู้เรื่อง
-มีราคาสำหรับนักเรียนนักศึกษา (ประหยัดไปได้ 300 เยน)
-บูธขายสินค้าที่ระลึกจากภาพยนตร์ที่ใหญ่มาก อยากได้อะไรก็(น่าจะ)มีหมด ในช่วงที่ภาพยนตร์เรื่องนั้นๆมันฉายอยู่นะ
-โรงภาพยนตร์โดยรวมแล้วดูดี
-อยู่ชั้นบนของห้างสรรพสินค้าใหญ่ จึงสามารถช็อปปิ้ง หรือหาอะไรทานก่อนชมภาพยนตร์ได้
-รอบฉายเยอะมาก ดึกที่สุดที่เห็นมาคือรอบเที่ยงคืนครึ่ง!!
-มีภาพยนตร์ที่ฉายแบบจำกัดโรงด้วยนะ เพราะโรงภาพยนตร์นี้ก็อยู่ในเครือโตเอะ (อันนี้เห็นมาจากทวิตเตอร์ มีคนไปดู Kamen Rider Build NEW WORLD : Kamen Rider Cross-Z แล้วรูปที่เขาถ่ายมาผมจำได้ว่าเป็นหน้าโรงภาพยนตร์นี้) แต่ถ้าเอาให้ชัวร์ผมแนะนำให้เช็ครอบกับทางเว็บ http://kinezo.jp/pc/wald9 เลยครับ

ข้อเสีย
-บันไดที่ขึ้นไปยังหน้าโรงภาพยนตร์อยู่มุมอับไปหน่อย อาจจะหายากนิดนึง
-เนื่องจากมีโปรแกรมฉายภาพยนตร์ทั้งยุ่นและเทศ จึงอาจทำให้ระยะเวลาฉายอาจจะมีความผกผัน เช็ครอบกับ http://kinezo.jp/pc/wald9 ไว้ก่อนก็ดีนะครับ
-ถ้านั่งรถไฟ JR สายยามาโนเตะมาตามสมัยนิยม ก็ต้องใช้เวลาเดินเท้าอีกประมาณ 5 นาทีกว่าจะถึงโรงภาพยนตร์

โรงภาพยนตร์โตเอะซีนีม่า สาขาชิบุย่า

ส่วนอีกโรงภาพยนตร์ที่ผมเพิ่งไปใช้บริการมาเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา นั่นก็คือ โรงภาพยนตร์โตเอะซีนีม่า สาขาชิบุย่า ซึ่งตั้งอยู่ชั้นบนของห้างสรรพสินค้า Big Camera ชั้น 7 และชั้น 9 ชั้นละโรง สิริรวมทั้งหมด สองโรงด้วยกัน ผมบังเอิญเจอโรงภาพยนตร์นี้ขณะที่กำลังเดินเล่นอยู่แถวๆนั้นพอดี และด้านหน้าของตึกก็มีการแปะป้ายโปสเตอร์ขนาดใหญ่ของภาพยนตร์ Heisei Generation Forever พอดี ซึ่งเป็นการบ่งบอกว่า ภาพยนตร์เรื่องนี้ยังฉายอยู่ ณ โรงภาพยนตร์แห่งนี้นะครับ ตอนแรกผมก็สองจิตสองใจว่าจะจองตั๋วเลยไหม? เพราะใจนึงก็อยากไปดูที่ Wald9 ที่เดิมมากกว่า แต่อีกใจก็กลัวว่าที่นั่นจะไม่มีรอบ(ยังเช็คผ่านเว็บไม่เป็นไง) ไปถึงแล้วไม่มีรอบก็เสียค่ารถไฟเปล่าๆ และไหนๆก็มาถึงนี่ และมันก็มีรอบฉายด้วย ผมเลยตัดสินใจดูภาพยนตร์เรื่องนี้ที่โตเอะซีนีม่าเนี่ยแหละ โดยสามารถซื้อตั๋วได้ที่เคาท์เตอร์ตรงชั้นล่างของ Big Camera ได้เลย

เคาท์เตอร์จำหน่ายตั๋วของโรงภาพยนตร์จะอยู่ที่ชั้นล่างของตึก Big Camera
(ภาพจาก J-HERO Go Out)

ถึงแม้ว่าการเจรจาอาจจะตะกุกตะกักพอสมควร แต่ผมก็สามารถทราบว่า ทั้งโรงภาพยนตร์นี้ฉายภาพยนตร์แค่สองเรื่อง นั่นก็คือ Heisei Generation Forever และ Dragonball Super Broly และฉายเรื่องละสองรอบเท่านั้น วันที่ผมมามันหมดรอบฉายไปแล้ว แต่สามารถจองตั๋วล่วงหน้าสำหรับวันพรุ่งนี้ได้นะ Heisei Generation Forever จะมีรอบ 11.55 กับรอบ 16.30 ผมตัดสินใจจองรอบ 11.55 เพราะรอบ 16.30 หนังจะฉายจบตอน 18.20 (ซึ่งผมต้องไปนิปปอนบูโดกังตอน 17.30) จ่ายเงินค่าตั๋วไปทั้งหมด 1,800 เยน ราคาผู้ใหญ่เต็มๆเลย เขาก็ออกตั๋วให้ เป็นตั๋วแบบคิวอาร์โค้ด

ป้ายโปสเตอร์ภาพยนตร์ Heisei Generation Forever ซึ่งมีรอบฉายอยู่ที่โรงภาพยนตร์แห่งนี้ในขณะนั้น

วันต่อมา ผมไปที่โรงภาพยนตร์ตามรอบฉาย ซึ่งเดินทางง่ายมากครับ เพราะใกล้สถานีรถไฟชิบุย่ามาก ต่อให้นั่งรถไฟใต้ดินหรือบนดินก็สามารถเดินทางมาได้สะดวก พอขึ้นไปยังชั้น 7 ซึ่งเป็นชั้นของโรงที่ฉาย Heisei Generation Forever รอบ 11.55 พบว่าตัวโรงภาพยนตร์มีความเรโทรพอสมควร สถาปัตยกรรมภายในจะคนละยุคกับ Wald9 โดยสิ้นเชิง มีบูธขายป๊อปคอร์นเล็กๆ บูธขายสินค้าที่ระลึกเล็กๆ เล็กจริงครับ แถมของที่ขายก็มีน้อยด้วย(หรือเขาซื้อกันไปหมดแล้ววะ?) แต่มีตู้กดน้ำตั้งอยู่หน้าโรง ซึ่งราคาก็จะสูงกว่าท้องตลาด 20-30 เยน

“พูดง่ายๆ ถ้า Wald9 เหมือนโรงภาพยนตร์ของเมเจอร์ โตเอะซีนีม่าก็จะเหมือนโรงภาพยนตร์ของ Apex เนี่ยแหละ”

หน้าโรงภาพยนตร์โตเอะซีนีม่า ชั้น 7

แต่อย่างน้อย ที่โตเอะซีนีม่า ก็มีป้ายโปสเตอร์ผ้าใบขนาดใหญ่ของภาพยนตร์ Heisei Generation Forever แปะไว้ให้ทุกคนได้ถ่ายรูปกัน ขึ้นลิฟท์มาปุ๊บจะเห็นป้ายนี่ทันที และข้างๆก็จะมีโปสเตอร์ขนาด A2 ที่เต็มไปด้วยลายเซ็นต์ของนักแสดงอีกต่างหาก ถือว่าคุ้มค่ามากเลยนะ สมกับเป็นโตเอะซีนีม่าจริงๆ

โปสเตอร์ผ้าใบขนาดใหญ่ของภาพยนตร์เรื่อง Heisei Generation Forever ที่รอต้อนรับแฟนๆไรเดอร์ตั้งแต่หน้าลิฟท์เลยทีเดียว

สรุปข้อดีและข้อเสีย

ข้อดี
-ใกล้สถานีรถไฟมาก เดินแปปๆก็ถึงแล้ว
-สามารถจองตั๋วผ่านแอพ และเอาคิวอาร์โค้ดในแอพที่ได้จากการจองแสกนเข้าโรงได้เลย(สำหรับคนที่อาศัยอยู่ที่นี่เป็นหลักนะ)
-ระยะเวลาฉายจะยาวนานมาก โดยเฉพาะภาพยนตร์ของโตเอะ
-อยู่ชั้นบนของ Big Camera จึงสามารถช็อปปิ้งก่อนเข้าโรงภาพยนตร์ได้
-ชั้นใต้ดินของ Big Camera มี Taito Station สามารถเล่นเกมรอเวลาเข้าชมภาพยนตร์ได้

ข้อเสีย
-บูธสินค้าที่ระลึกจากภาพยนตร์เล็กมาก มีของขายน้อยด้วย
-ด้านล่างของห้าง Big Camera ไม่ค่อยมีอะไรให้กิน นอกจากแม็คโดนัลด์
-มีแต่ภาพยนตร์ของโตเอะ หนังต่างชาติก็พอมีบ้างนิดหน่อย โดยสามารถเช็ครอบฉายได้ทาง http://theaters.toei.co.jp/

ตั๋วชมภาพยนตร์ Heisei Generation Forever ในโรงภาพยนตร์โตเอะซีนีม่า

นี่แหละครับโรงภาพยนตร์ของญี่ปุ่น ไม่ต่างอะไรจากบ้านเราเลย เพียงแค่ราคาที่มหาโหดกว่าก็แค่นั้นเอง เรื่องของมารยาทในการใช้บริการก็จะเหมือนกับโรงภาพยนตร์ในบ้านเราเลย ก็คือไม่ส่งเสียงดัง ปิดเครื่องมือสื่อสาร และงดถ่ายภาพและวิดีโอขณะที่ภาพยนตร์กำลังฉาย(กฎหมายละเมิดลิขสิทธิ์ของประเทศญี่ปุ่นเข้มงวดมากนะ เตือนไว้ก่อนเลย) อีกอย่าง ถ้ามาดูภาพยนตร์โทคุซัทสึที่นี่ ก็ไม่ต้องกลัวเหงา กลัวว่าจะมีแต่เด็กๆ หรือกังวลสายตาคนรอบข้างแต่อย่างใด เพราะสำหรับที่นี่ โทคุซัทสึเป็นของคนทุกเพศทุกวัย ตอนที่ผมไปดูผมก็เจอคนหลากหลายประเภทมาก ทั้งกลุ่มเพื่อนผู้ชาย กลุ่มเพื่อนผู้หญิง คู่รัก เป็นต้น เห็นแล้วรู้สึกอบอุ่นหัวใจมากเลย เอาเป็นว่าถ้ามาเที่ยวญี่ปุ่นในช่วงที่มีภาพยนตร์โทคุซัทสึฉายในโรงภาพยนตร์ แนะนำให้ลองซื้อตั๋วเข้าไปรับชมดูสักครั้งก็น่าสนใจนะครับ

ปล. ที่โรงภาพยนตร์ญี่ปุ่นจะมีแฮนด์บิลสำหรับการประชาสัมพันธ์ภาพยนตร์ ที่ด้านหน้าจะเป็นรูปโปสเตอร์ภาพยนตร์เรื่องต่างๆ ส่วนด้านหลังจะเป็นเรื่องย่อ บางเรื่องก็เย็บเป็นเล่มไม่กี่หน้า แต่แฮนด์บิลพวกนี้ใช้กระดาษที่ดีในระดับหนึ่ง และมีขนาดที่กำลังดี ไม่เล็กไม่ใหญ่เกินไป แทบจะใช้แทนโปสเตอร์เล็กๆได้เลย สามารถหยิบได้ฟรีเลยนะครับ ถือว่าเป็นของสะสมที่น่าสนใจอยู่นะครับ(เพราะผมก็สะสม ต่อให้เพื่อนไปญี่ปุ่นก็ฝากเขาหยิบมาให้…)
About Pan Yoshizumi 118 Articles
นอกจากซูเปอร์ฮีโร่จะเป็นสิ่งที่ผมชื่นชอบแล้ว ผมยังชอบไอดอลสาว และการท่องโลกอีกต่างหาก....