J-HERO.COM REVIEW: ‘Kikai Sentai Zenkaiger’

เมื่อขบวนการห้าสีได้เปลี่ยนไป

ชื่อเรื่อง: 機界戦隊ゼンカイジャー, Kikai Sentai Zenkaiger

อกอากาศ: 49 ตอน (7 มีนาคม 2021 – 27 กุมภาพันธ์ 2022)

ผลิตโดย: TOEI Company, TV Asahi – Shirakura Shinichiro/Inoue Chihiro/Takebe Naomi

เขียนบทหลัก: Komura Junko

ผู้กำกับหลัก: Nagazawa Shojiro

นำแสดงโดย: Komagine Kiita, Mashiko Atsuki, Sekoguchi Ryo, Mori Hinami, Sakakibara Ikue


เรื่องย่อ:

พาราเรลเวิร์ลมีอยู่จริง… และมิติคู่ขนานเหล่านั้นก็ถูกรุกรานโดยจักรวรรดิ์โทจิเท็น พวกมันมีความสามารถที่จะบีบอัดโลกต่าง ๆ ให้กลายมาอยู่ในสภาพของ “เกียร์” และโลกมนุษย์คือเป้าหมายต่อไปของมัน แต่ในเวลานั้นเองก็เกิดเหตุการณ์ประหลาดที่ทำให้โลกมนุษย์ ผสานรวมกับคิไคนอยด์ โลกของสิ่งมีชีวิตจักรกลที่ใช้ชีวิตเหมือนคนปรกติ

เมื่อทั้งสองโลกที่รวมกันอยู่ภายใต้การโจมตีจากโทจิเท็น “โกชิคิดะ ไคโตะ” ลูกชายของสามีภรรยานักวิทยาศาสตร์ที่หายตัวไปอย่างลึกลับ ก็ได้ครอบครองอุปกรณ์แปลงร่างและรวมรวมเพื่อน ๆ คิไคนอยด์เข้าต่อสู้โดยใช้พลังของซูเปอร์เซนไตเกียร์เพื่อปกป้องโลกที่พวกเค้ารัก


REVIEW:

และแล้วเฟรนไชส์ที่คงกระพันที่สุดของบริษัทนี้ก็ก้าวล่วงมาจนถึงขบวนการลำดับที่ 45 จนได้ นับตั้งแต่วันแรกที่เริ่มมีข่าวลือข่าวหลุดว่าทีมนักแสดงจะเปลี่ยนมาเป็นสูทแอคเตอร์เกือบทั้งหมด ความคาดหวังจากเหล่าผู้ชมก็เริ่มมีมากขึ้น ไม่ใช่เพียงเพราะเป็นปีเฉลิมฉลองการครบรอบ แต่ยังหมายถึงทิศทางที่จะกำหนดอนาคตของซีรีส์ชุดนี้ด้วยเช่นกัน

สัมภาษณ์แรกที่ปรากฏในงานแถลงข่าวจากปากของโปรดิวเซอร์คนดีคนเดิม “ชิราคุระ ชินอิจิโร่” ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นมือโปรในเรื่องของการสร้างปรากฎการณ์ใหม่ให้แต่ละซีรีส์ได้กล่าวเอาไว้ว่า นี่คือการเดิมพัน การทดลองครั้งใหม่ และความกล้าของเหล่าทีมงานที่อยากจะเปลี่ยนมุมมองเดิมของขบวนการห้าสีให้ก้าวไปสู่ระดับที่สูงขึ้น ใหม่ขึ้น และทันต่อโลกยุคใหม่ โดยอาศัยกิมมิคเดิมของซูเปอร์เซนไตเรื่องก่อนหน้า และจะไม่ดำเนินตามรอยแบบเดียวกับ Kaizoku Sentai Gokaiger อย่างแน่นอน

ผู้เขียนเองยังจำความรู้สึกแรกที่นั่งดูงานแถลงข่าวได้ดี เพราะมันเต็มไปด้วยความอิหยังวะ ความตื่นเต้น และนึกชมทีมงานอยู่ในใจว่าพวกเค้ากล้าทำในสิ่งที่ซูเปอร์เซนไตไม่เคยทำมาก่อน นั่นคือการลบล้างธรรมเนียมเดิมที่ต้องมีนักแสดงชายหญิง 5 คน ให้กลายมาเป็นนักแสดงหลักไม่กี่คน และที่เหลือเป็นหน้าที่ของสูทแอคเตอร์และนักพากย์แทน

ต้องเข้าใจอย่างหนึ่งว่าการลดจำนวนนักแสดงหลักเพื่อป้องกันเหตุสุดวิสัยที่เคยเกิดขึ้นเมื่อครั้งก่อนหน้า (Mashin Sentai Kiramager – กรณีที่นักแสดงนำติดเชื้อ Covid-19 ระหว่างการถ่ายทำ) ถือเป็นบทเรียนสำคัญที่ทีมงานต้องคำนึงถึงมากที่สุดในเวลานั้น นั่นก็เหตุผลหนึ่ง แต่อีกเรื่องก็คือการลด ละ วัฒนธรรมการทำซ้ำที่แฟนเดนตายหลายคนส่ายหน้าและประกาศจะเลิกดู เพื่อกู้ศรัทธานั้นก็เป็นเรื่องที่เอามาประกอบเข้าด้วยกันจนกลายเป็นคอนเซปท์ในการสร้างผลงานชุดนี้

โดยส่วนตัวผู้เขียนเองก็แอบหวังว่าจะได้ดูความอลังการ ได้เห็นแขกรับเชิญที่คุ้นหน้า ได้ดูเนื้อหาสุดดราม่าเข้มข้นที่หลายเรื่องก่อนไม่สามารถให้ได้อย่างเต็มที่ แต่ผลตอบรับที่ได้คือ…

คุณไม่ได้รับในสิ่งที่คุณคาดหวังเลย’ #ฮา

แต่เดี๋ยวก่อน นี่ไม่ใช่การแขวนประจาน หากจะเปรียบเทียบให้เห็นภาพชัด ๆ ก็คงเหมือนกับว่า คุณวางแผนจะไปนั่งโง่ ๆ ริมทะเล แน่นอนว่าสิ่งที่ได้คือการเล่นน้ำ ชายหาดสีขาว และซีฟู้ดสุดหอม แต่มันกลับกลายเป็นว่า คุณไปทะเลแล้วเจอเพื่อนเก่าที่สนิทกันมาก และไม่ได้เจอกันมา 10 กว่าปีพร้อมกัน 20 คน ต่างคนต่างขุดวีรกรรมสมัยเรียนตอนประถมมาเล่า น้ำก็ไม่ได้เล่น ชายหาดก็ไม่ได้ลง ทว่าสิ่งที่คุณได้มันกลับมากกว่านั้น ความประทับใจ ความเฮฮาแบบควานหาสาระไม่เจอ และปิดท้ายด้วยการเมาหัวราน้ำจนลืมไปแล้วว่าเรามาทะเลเพื่ออะไร

เช่นเดียวกับเซนไคเจอร์ พวกเค้าไมไ่ด้ย้อนวีรกรรมรุ่นพี่เหมือนกับโกไคเจอร์ แต่กลับนำเสนอเลเจนด์ซูเปอร์เซนไตในรูปแบบที่เอาใจแฟนรุ่นเก่า และสร้างเสียงฮาให้กับเด็กรุ่นใหม่ เอาแบบว่าหา Easter Egg กันเพลินเลยก็ว่าได้ ยิ่งถ้ารู้เรื่องหนังแปลงร่างห้าสีมากเท่าไหร่ คุณจะยิ่งขำหนักไปกว่าเดิมกับสิ่งที่ทีมงานได้สอดแทรกเข้ามาเป็นระยะ ๆ

ถ้าจุดแข็งของเรื่องนี้คือความสนุกสนาน จุดด้อยที่ต่ำกว่าเหวเลยคงหนีไม่พ้นเนื้อเรื่องที่แทบจะไม่มีอะไร พอจะจริงจังเข้าหน่ายก็หักหลบไปเรื่องอื่นเสียแล้ว ตัวละครที่เข้ามามีบทบาทสมทบอย่าง Zox หรือ Stacey เองเหมือนจะเป็นตัวดึงดราม่า แต่พอเอาเข้าจริงมันก็ดราม่าไม่ถึงสองตอนแล้วกลับมาเฮฮาปาจิงโกะกันต่อ กระนั้นเสน่ห์ของตัวละครทั้งหมดในเรื่องมันก็กลบไอ้จุดบอดเหล่านั้นจนสิ้น เพราะเรามัวแต่มาโฟกัสกันว่าทีมงานจะเอาอะไรมาเล่น มากกว่าที่จะสนใจในเนื้อหาสุดดราม่า(?) ของพวกเค้านั่นล่ะ

ใครที่เป็นสายติดตามเนื้อหาน่าจะผิดหวังไม่น้อย แต่กลับกันในสายของคนที่ดูเอาเพลิดเพลินน่าจะตอบโจทย์ได้เป็นอย่างดี ไม่นับกระแสจากผู้ชม (ในญี่ปุ่น) ที่ให้การตอบรับในทางบวกสวนทางกับยอดขายรวมที่ใกล้จะโดนคู่แข่งอย่างอุลตร้าแมนแซงหน้าไปได้ มันก็เป็นเหตุเป็นผลมากพอที่จะเอาคอนเซปต์จากของเล่นชุดเดิมไปขายต่อในซีรีส์ถัดไปอย่าง Avataro Sentai DonBrothers เพื่อเพิ่มยอดขายและลดต้นทุนการผลิตในไลน์ของเล่นของสะสมให้กับบริษัทนั่นเอง


สรุป:

เซนไคเจอร์คือซีรีส์แนว Positive Thinking ที่มอบ Mind Set ชุดใหม่ให้กับผู้ชม แม้จะไม่ได้ดุเดือดหรือเข้มข้น แต่กลับกันแล้ว มันทำหน้าที่ของโทคุซัทสึที่ให้ความบันเทิงได้ดี แม้เนื้อหาจะไม่ได้ตอบโจทย์แฟนรุ่นก่อนหน้าทุกคนก็ตาม หากคุณคาดหวังว่าจะได้ดูเนื้อหาแน่น ๆ คุณอาจจะพบกับความผิดหวัง เพราะมันแทบไม่มีแก่นสารอะไรเลย แต่ถ้าหากคุณอยากได้หนังแปลงร่างสักเรื่องที่เน้นฮาเข้าว่า ตลกได้ทุกเพศทุกวัย และทดสอบความรู้เกี่ยวกับขบวนการห้าสีไปในตัว นี่อาจจะเป็นคำตอบสำหรับคุณ

J-HERO.COM SCORE – 9/10