พบกับบทสัมภาษณ์ของสองนักแสดง ทาคามาสะ สุกะ และ ซาโตชิ มัทสึดะ เจ้าของบทไรเดอร์คู่หูมังกรและค้างคาวที่เคยสร้างกระแสสุดปังเมื่อสมัย 16 ปีที่แล้ว … คาเมนไรเดอร์ริวคิ

พบกับบทสัมภาษณ์ของสองนักแสดง ทาคามาสะ สุกะ และ ซาโตชิ มัทสึดะ เจ้าของบทไรเดอร์คู่หูมังกรและค้างคาวที่เคยสร้างกระแสสุดปังเมื่อสมัย 16 ปีที่แล้ว … คาเมนไรเดอร์ริวคิ

===========================

– Just so you know –

1. ทาคามาสะ สุกะ ผู้รับบท ชินจิ คิโดะ หรือคาเมนไรเดอร์ริวคิ ซีรี่ส์ที่ปังที่สุดในยุคเฮเซเฟสแรก รวมไปถึงการถูกยกย่องให้เป็น “แนวทาง” ของซีรี่ส์ที่เกิดขึ้นในยุคหลัง ว่าถ้าหากอยากจะทำให้มันสนุก ก็ต้องทำแนวเดียวกับริวคิเนี่ยล่ะ

2. ซาโตชิ มัทสึดะ (เร็น อากิยามะ) กับบทที่แจ้งเกิดให้เค้าได้เป็นที่จดจำมากที่สุด “คาเมนไรเดอร์ไนท์” ด้วยคาแรคเตอร์ที่เด่นกว่าตัวเอก และมีอะไรให้เซอร์ไพรส์ได้เสมอ 16 ปีผ่านไปหน้าของเค้าแทบไม่เปลี่ยนไปจากเดิมเลย

3. ทั้งสองกลับมาพบกับอีกครั้งตามคำสั่ง เอ๊ย! คำเชิญชวนของ BANDAI ที่ถือโอกาสอันดี ในช่วงที่รู้ว่านักสะสมกำลังมีเงินอยู่ในมือ ด้วยการจับมาโปรโมทสินค้าตัวใหม่ล่าสุด Complete Selection Modification : V-Buckle&DragVisor เข็มขัดแปลงร่างพร้อมกับชุดการ์ดครบเซ็ท และหัวมังกรสำหรับอ่านการ์ด ที่เรียกเสียงฮือฮาของเด็ก ๆ (ในตอนนั้น) ได้อย่างเลือดเย็น … เพราะราคามันโหดมว๊ากกกก

===========================

 

Q : ใครเป็นคนคิดท่าแปลงร่างที่ปรากฏในเรื่องครับ? เพราะตอนนั้นเล่นเอาคนดูทำตามหน้ากระจกกันเป็นแถว ๆ เลย

สุกะ : ท่าของริวคิมันมาจากท่าแปลงร่างของคาเมนไรเดอร์#1 ส่วนของไนท์ก็มาจากคาเมนไรเดอร์#2 นั่นล่ะครับ
มัทสึดะ : ตอนที่แคสผ่าน เห็นว่าเป็นทางผู้กำกับแอคชั่นอย่างคุณ ทาเคชิ มิยาซากิ เป็นคนคิดไอเดียน่ะครับ

สุกะ : ก็เน้นเอาให้มันจำง่ายไว้ก่อนเนอะ
มัทสึดะ : เอาจริง ๆ ท่าแปลงร่างก็ไม่ได้สำคัญเท่ากับความดราม่าในเรื่องหรอกครับ #ฮา

สุกะ : จำได้เลย ฉากแปลงร่างในตอนจบ ผมทำออกมาได้ทรมานดีชะมัด
มัทสึดะ : แต่เห็นว่าคนที่ทำท่าแปลงร่างได้น่าจดจำที่สุดก็คงเป็นอาซากุระ (คาเมนไรเดอร์โอจา) ครับผม

.
.
.
.
.

Q : ตอนที่ออกฉาย ริวคิมีทั้งตัวซีรี่ส์ มูฟวี่ และตอนพิเศษที่ต้องโทรเข้าไปเพื่อโหวตตอนจบ ไม่ทราบว่างงกับเนื้อหาในเรื่องรึเปล่าครับ?

สุกะ : งงแดกเลยครับ
มัทสึดะ : มีครั้งนึงนอนอยู่ในกองถ่ายซีรี่ส์ครับ แล้วโดนปลุกมาพร้อมกับโดน ผกก. บอกว่า เฮ้ย! เดี๋ยววันนี้เราจะถ่ายมูฟวี่กันนะ คือแบบ … เอาจริงดิ

สุกะ : ตอนนั้นงานก็คืองานครับ ถ่ายกันหามรุ่งหามค่ำเลย
มัทสึดะ : ตอนนั้นการถ่ายทำมันถูกอัดคิวแน่นกันอยู่ในวันเดียวครับ เช่นตอนเช้าถ่ายเนื้อหาซีรี่ส์ บ่ายก็ถ่ายมูฟวี่ต่อ เลิกก็ดึก แถมต้องเริ่มงานตั้งแต่เจ็ดโมงเช้าอีก

สุกะ : ตอนนั้นไม่ได้กลับบ้านเลยครับ ต้องอาศัยนอนโรงแรมแถวนั้นเอา
มัทสึดะ : ก็ขนาดว่ากลับไปนอนในโรงแรมแล้ว ก็ยังโดนตามมาถ่ายต่อครับ จนแบบ … เออ ผมนอนในรถบัสของกองถ่ายก็ได้ #ฮา

สุกะ : นั่นล่ะครับ
มัทสึดะ : จะตื่นก็ยากเลยครับ เคยหลับจนทีมงานต้องเอาเครื่องขยายเสียงมาตะโกนใส่กันเลยทีเดียว

สุกะ : ความนรกยิ่งกว่าคือการที่ต้องจำบทให้ได้ครับ เพราะเล่นถ่ายเช้าเนื้อหานึง แล้วบ่ายก็อัดมาอีกเนื้อหานึง ไม่รู้ตอนนี้ยังทำแบบนี้อยู่รึเปล่า #ฮาเบาๆ
มัทสึดะ ถ้านั่นเรียกว่านรก แล้วของผมจะเรียกว่าอะไร กับการใส่เสื้อคอเต่า + ชุดหนังในหน้าร้อนแบบนั้นน่ะ

สุกะ : เออ นั่นสิเนอะ
มัทสึดะ : จำได้ว่าตอนนั้นไปออกงานสเตจโชว์บ่อยด้วยครับ มีช่วงนึงที่ถ่ายทำกับบนเรือเฟอร์รี่ เลยรู้สึกสบาย (กับอากาศ) นิดหน่อย

สุกะ : ใช่ครับ ถ้าจำไม่ผิดน่าจะเป็นฉากในมูฟวี่ ถ่ายกันในนั้นสองวันเต็มเลย
มัทสึดะ : พอขึ้นฝั่งมาก็ต้องไปสเตจโชว์ต่อ ขาผมนี่สั่นยิก ๆ เลย เพราะยังรู้สึกปรับตัวระหว่างพื้นบนเรือกับพื้นทั่วไปไม่ได้ #ฮา

 

 

Q : ในตอนที่เวอร์ชั่นหนังโรงออกฉาย ตัวซีรี่ส์เพิ่งผ่านไปครึ่งเรื่อง ตอนนั้นรู้สึกยังไงบ้างครับกับเสียงตอบรับของแฟน ๆ ที่มองว่าเรื่องนี้จะมีฉากจบหลายแบบ

สุกะ : ตื่นเต้นดีครับ ตอนที่อ่านบทก็ทำเอาผมขนลุกเลย
มัทสึดะ : ไม่ต่างกันครับ

สุกะ : ฉากที่เท่ที่สุดน่าจะเป็นฉากจบนั่นล่ะครับ ตอนที่ริวคิเซอร์ไวฟ์ควบมังกรออกไปสู้พร้อมกับไนท์เซอร์ไวฟ์
มัทสึดะ : ตอนที่เห็นเป็นภาพในหนัง ผมนี่สุด ๆ เลยครับ

สุกะ : เหมือนกับนักรบที่ถือดาบออกไปลุยกับศัตรูนับหมื่น โดยที่ไม่สนว่าจะเป็นหรือตาย แต่ขอให้ได้สู้จนสุดใจก็พอ ประทับใจจริง ๆ ครับ
มัทสึดะ : โดนแย่งพูดไปหมดแล้วครับ #ฮา

.
.
.
.
.

Q : ตอนนั้นเห็นว่ามีตอนพิเศษที่ต้องโทรเข้าไปโหวตตอนจบด้วย?

สุกะ : ใช่ครับผม เป็นอะไรที่แปลกใหม่สำหรับหนังแปลงร่างในตอนนั้นมากเลยนะครับ
มัทสึดะ : ตอนนี้คงวัดผลจากการกด D-Pad บนรีโมทคอนโทรลแทนแล้วสินะครับ #ฮา

สุกะ : คงจะแบบนั้นล่ะครับ เพราะตอนนั้นเรายังไม่มีระบบนี้กันเลยนี่นา
มัทสึดะ : สุดท้ายแล้วผลโหวตคือเร็นตาย แล้วชินจิแปลงร่างเข้าไปสู้ต่อในฐานะคาเมนไรเดอร์ไนท์ ผมว่าก็เท่ดีนะ

 

 

Q : จำได้มั้ยครับว่าตอนนั้นคาเมนไรเดอร์ริวคิดังมากขนาดไหน?

สุกะ : ก็ดูจากแฟน ๆ ในยุคปัจจุบันได้ครับ พวกเค้าจำเราสองคนได้ว่าเคยรับบทอะไรและเป็นใคร รวมไปถึงการพูดถึงซีรี่ส์นี้อยู่ตลอดเวลา ผมว่ามันเป็นอะไรที่วิเศษมาก ต้องขอบคุณเหล่าแฟน ๆ ที่ติดตามทุกคนด้วยครับ
มัทสึดะ : ก็คิดว่าดังอยู่นะครับ เพราะช่วงนั้นถึงจะมีหลากหลายซีรี่ส์ที่ออกฉายพร้อมกัน แต่การถูกพูดถึงของซีรี่ส์นี้ กลับทำได้ยาวนานกว่า

สุกะ : ไปไหนก็มีแต่คนจำได้ครับ #ฮา
มัทสึดะ : ก็ไปทำงานที่โอซาก้า ทุกวันนี้ยังมีคนถือของเล่นคาเมนไรเดอร์ไนท์มาให้เซ็น #ฮาๆ

สุกะ : แล้วแจกลายเซ็นมั้ยครับ?
มัทสึดะ : แหมะ … ผมเป็นพระเอกนะ มีคนมายืนข้าง ๆ ตอนรอแทกซี่ เค้าก็มาสะกิดแล้วขอลายเซ็น ผมก็เซ็นให้แกทุกชิ้นเลย มีครั้งนึงรู้สึกผิดมาก เพราะมีคนเอาของมาให้เซ็นแต่ผมต้องวิ่งไปให้ทันรถไฟ ผมก็เลยวิ่งหนีออกมาซะงั้น (ขอโทษด้วยนะครับ)

สุกะ : ช่วยไม่ได้เนอะ
มัทสึดะ : ถ้าให้สุดจริงต้องงานที่คุมะโมโต้ครับ

สุกะ : ตอนนั้นเหมือนอีเวนท์ทอล์คโชว์ครับ
มัทสึดะ : มีผมกับเค้าแค่สองคนบนเวที ข้างล่างมีคนมารอดูเราเป็นหมื่น ผมนี่จี้ดเลย

สุกะ : มีจี๊ดกว่านั้นมั้ยครับ?
มัทสึดะ : มีตอนนั่งรถของทีมงานครับ เปิดกระจกออกมาโบกมือทักทายแฟน ๆ ทีนี้มีสาวคนนึงกระโดดพุ่งใส่จะเข้ามาในรถเลย #ฮา

สุกะ : สุดยอดไปเลยเนอะ
มัทสึดะ : เห็นตอนที่น้องเค้าถูก รปภ. หิ้วไป ผมก็แอบสงสารนะเออ

.
.
.
.
.

Q : ด้วยความที่มันโคตรปังในตอนนั้น มีผลงานอื่น ๆ ตามมีอีกเยอะเลยสิครับ

สุกะ : ถ่ายโฟโต้บุคเป็นว่าเล่นเลยครับ
มัทสึดะ : อ่า ใช่ครับ ตามนั้นเลย

สุกะ : พอย้อนกลับไปดูตอนนี้ก็ยังตื่นเต้นไม่หายครับ อีกใจนึงก็ … แก่จังวะเรา
มัทสึดะ : ส่วนผมก็ชอบเอาหนังสือภาพตอนฉากเก่า ๆ มาดูครับ เพราะตอนนั้นถ่ายกันไว้ค่อนข้างเยอะ เห็นแล้วรู้สึกว่าตัวไรเดอร์ไนท์นี่มันเท่จริง ๆ นะเออ

สุกะ : แต่แฟน ๆ บอกว่าไนท์เซอร์ไวฟ์เท่กว่านะ
มัทสึดะ : ตอนขี่มอเตอร์ไซค์ในร่างสุดยอดนั่นล่ะเจ๋งไปเลย

สุกะ : ตอนที่ให้สัมภาษณ์กับนิตยสารหลาย ๆ เล่มในช่วงนั้น ผมคิดว่าการเป็นตัวเอกในคาเมนไรเดอร์ซีรี่ส์เนี่ย มันสร้างปรากฏการณ์ได้มากเลยนะครับ
มัทสึดะ : เท่าที่อ่านจากทวิตเตอร์ หลายคนบอกว่าซีรี่ส์เก่า ๆ ในยุคเฮเซนั้นพระเอกน่าติดตามทุกคน … ยกเว้นริวคิเนี่ยล่ะครับ ที่พระเอกดูหน่อมแน้มเกิน

สุกะ : เพราะตัวของชินจิมันเป็นพระเอกโลกสวยน่ะสิ #ฮา
มัทสึดะ : จริง ๆ ในนั้นบอกว่าแฟนคาเมนไรเดอร์ไม่แนะนำให้ดูริวคิเป็นเรื่องแรกครับ แต่ควรจะดูเมื่อคุณรู้สึกอินกับซีรี่ส์นี้อย่างเต็มตัว แล้วคุณจะสัมผัสได้ว่าบทของชินจิมันสุดยอดมาก ๆ

 

 

Q : ตอนที่ถ่ายทำ BANDAI เคยให้ของอะไรกับพวกคุณบ้างไหมครับ?

สุกะ : ก็เยอะอยู่นะครับ
มัทสึดะ : เยอะเหมือนกันครับ จนเก็บในห้องของตัวเองไม่พอ ต้องส่งไปไว้ที่บ้านแม่แทนเพราะแทบจะล้นห้องเลย

สุกะ : ตอนนี้อยากได้ฟิกเกอร์แล้วสิ
มัทสึดะ : ตอนนี้การผลิตมันดีกว่าแต่ก่อนเยอะ ดีเทลเลยเยอะตาม

สุกะ : บอก BANDAI ว่าส่งมาให้ผมครบทั้ง 13 ตัวเลยได้มั้ย? #ฮา

.
.
.
.
.

Q : ถ้ามีโอกาสได้กลับมาเล่นซีรี่ส์ที่ต้องเป็นฮีโร่อีก อยากเล่นเป็นฮีโร่แนวไหนครับ?

สุกะ : ก็ริวคินั่นล่ะครับ เพราะในริวคิมันเป็นธีมของเส้นที่กั้นระหว่างความยุติธรรม และความชั่วร้าย ซึ่งในยุคนี้มันก็แทบจะไม่ต่างอะไรจากสังคมที่เราอาศัยอยู่ แนวทางของฮีโร่คือการยืนหยัดต่อสู้บนหลักของความเป็นจริงในสังคม เพราะเราไม่ได้มีสีขาว แต่พวกเรามีแค่สีเทากับดำมากกว่า

มัทสึดะ : เหมือนกันครับ ริวคิเนี่ยได้รับการยกย่องจากผู้ชมมาจนถึงทุกวันนี้ ปัจจัยหลักของเนื้อหามันมาจากเหตุการณ์ 9/11 ในนิวยอร์ค เมื่อปี 2001 ตามที่โปรดิวเซอร์ ชินอิติโร่ ชิราคุระ เคยกล่าวเอาไว้ ว่าถ้าหากเราให้คนที่มี “ความเห็นแตกต่างกัน” ต้องมา “ตัดสินความยุติธรรม” ร่วมกัน ภาพที่สื่อออกมาจะเป็นแบบไหน ซึ่งรับรองว่ามันจะดราม่า และไม่ได้ออกมาสวยงามอย่างที่คิดแน่นอน นั่นล่ะครับงานที่ผมอยากจะร่วมแสดงด้วย

https://news.mynavi.jp/kikaku/20180625-ryuuki